ต้นพังคี

พังคี หรือ ปังคี ต้นละ 300 บาท
พังคีเป็นคนละต้นกับเจตพังคั
มีชื่อสามัญว่า Thick-leaved croton, Thick leaf croton, Cockbone’s aroma
ชื่อวิทยาศาสตร์ Croton crassifolius Geiseler
วงศ์ยางพารา (EUPHORBIACEAE)
พังคี และ เจตพังคี จัดเป็นพืชคนละชนิดกัน ซึ่งพังคีจะมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Croton crassifolius Geiseler ส่วนเจตพังคีจะมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cladogynos orientalis Zipp. ex Span. แต่ทั้งสองชนิดนี้จัดอยู่ในวงศ์เดียวกัน
ลักษณะของพังคี ต้นพังคี จะเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร สามารถพบได้ทางตอนใต้ของประเทศจีน และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามป่าเบญจพรรณที่ระดับความสูงประมาณ 300-400 เมตร ใบพังคี ใบเป็นใบเดี่ยว ลักษณะของใบเป็นรูปไข่แกมรูปหอก มีความกว้างประมาณ 3-5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 6-10 เซนติเมตร โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นจักตื้น ๆ แผ่นใบมีลักษณะสากคาย ส่วนก้านใบยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ดอกพังคี ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอด เป็นแบบแยกเพศอยู่บนช่อเดียวกัน ดอกมีสีขาวนวล ดอกเพศผู้มีขนาดประมาณ 8 มิลลิเมตร ขอบกลีบมีขนนุ่ม มีเกสรตัวผู้จำนวน 15-25 อัน ส่วนดอกตัวเมียจะคล้ายกับดอกตัวผู้ แต่กลีบดอกจะสั้นกว่า ส่วนก้านชูเกสรยาวเรียว ปลายแยกเป็น 2 แฉก ที่รังไข่มีขนปกคลุมแน่น โดยจะออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม ผลพังคี ผลมีลักษณะค่อนข้างกลม มีขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร มี 3 พู ผลมีขนขึ้นปกคลุมแน่น เมื่อผลแก่จะแตก ในผลมีเมล็ดลักษณะกลมแกมรี กว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 7-8 มิลลิเมตร โดยจะติดผลในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม
สรรพคุณของพังคี
-รากใช้เข้ายาแก้ไข้ โดยผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นอีก 34 ชนิด ใช้ต้มกับน้ำดื่มแก้ไข้
-รากพังคีช่วยแก้อาการจุกเสียด แก้ท้องอืด ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ ปวดท้อง ปวดแน่นท้อง ด้วยการใช้รากต้มกับน้ำดื่ม หรือใช้ภายนอกด้วยการนำมาฝนทาท้อง หรือใช้ฝนกับน้ำปูนใส ผสมกับมหาหิงคุ์และการบูรใช้ทาท้องเด็กอ่อนจะช่วยทำให้ผายลม หรือใช้รากพังคีผสมกับรากส่องฟ้าดงต้มกับน้ำดื่มก็ได้
-รากใช้ตำประคบแก้อาการปวด แก้ไขข้อมูลเมื่อ 14 ก.ค. 68 10:22