ค้นหาสินค้า

ต้นมะตูม

ร้าน วรากรสมุนไพร
ชื่อสินค้า:

ต้นมะตูม

รหัส:
177346
ราคา:
100.00 บาท /ต้น
ติดต่อ:
คุณปุณณภา งานสำเร็จ
ที่อยู่ร้าน:
อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 13 ปี 7 เดือน
ไอดีไลน์:
โทรศัพท์:
ปุ่มติดต่อ:
คำเตือน: โปรดตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการทุจริต การขอชำระเงินปลายทางเมื่อรับสินค้าถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี
รายละเอียด
ต้นมะตูม ขายต้นมะตูม ต้นปลูก ความสูง 10 ซม. น้ำหนักถุงเพาะ 0.5-1กก/ถุง
ต้นมะตูมใช้เวลานานมากกว่าจะออกลูก ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ลูกมะตูมถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่เก็บมาฝานตากแห้งขายเป็นจำนวนมาก น่ากังวลว่าต่อไปจะหาได้ยากขึ้น ใครที่รักต้นไม้ น่าปลูกต้นมะตูมทิ้งไว้ให้ลูกหลานรุ่นหลังๆได้ใช้กัน
มะตูมเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดชัยนาm
มะตูมเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูง 10-15 เมตร มีหลายชื่อ เช่น ตูม, กระทันตาเถร, มะปิ่น มะตูมมีใบใหญ่ยาวสีเขียวอ่อน ลำต้นโตสีเทา มีหนามแหลม ดอกมีสีขาวกลิ่นหอม ผลกลมโต เปลือกแข็ง เนื้อข้างในมีสีนวลเหลืองอ่อน มีเมล็ดมาก ยางรอบเมล็ดเป็นเมือกเหนียว เนื้อจากผลแก่จัดนำมาเชื่อมกับน้ำตาล เป็นมะตูมเชื่อม เอาผลอ่อนมาหั่นบางๆ ตากแดดใช้เป็นชามะตูมต้มน้ำมา
ต้นมะตูมปลูกได้ทุกภาค การปลูกนิยมตอนกิ่งมาปลูก หรือขยายพันธ์โดยการเพาะเมล็ดก็ได้ มะตูมเป็นไม้ปลูกกลางแจ้งและทนต่อความร้อนได้ดี โดยเพาะต้นกล้าในถุงพลาสติก รอจนต้นแข็งแรงจึงเอาไปปลูกในหลุม ดูแลรดน้ำเป็นระยะ อายุ 3 ปีขึ้นไปจึงออกดอกระหว่างเดือนมีนาและเมษายน ผลมะตูมมีคั่วผลเหนียว เปลือกผลแข็งไม่มีศัตรูรบกวน สามารถปลูกเป็นไม้เศรษฐกิจ เพาะต้นขาย หรือเป็นไม้ล้อม มะตูมป่ารากแผ่ไปไกลสามารถแตกเป็นต้นแทนต้นเก่า
โบราณใช้มะตูมฝานตากแห้ง ฝนกับน้ำซาวข้าว ทาหน้าท้องหญิงมีครรภ์ ทำให้หนังท้องไม่มีรอยแตก
ประโยชน์ทางอาหาร
คนในต่างจังหวัดรับประทานยอดอ่อนใบอ่อนของมะตูม เป็นผักสด ชาวเหนือรับประทาน แกล้มลาบ ก้อยหรือแจ่วป่น ชาวใต้รับประทานร่วมกับน้ำพริกและแกงรสจัด ชาวภาคกลางไม่นิยมรับประทานยอดอ่อน แต่พบว่ามีการใช้มะตูมดิบมาปรุงเป็นยำมะตูม
ประโยชน์อื่นๆ
ต้นใหญ่เนื้อไม้ละเอียด ใช้ทำเกวียนและหวี ยางจากเมล็ดใช้แทนกาว เปลือกผลใช้ย้อมผ้า
ความเชื่อ ใบมะตูมใช้เป็นใบไม้ที่กันเสนียดจัญไร ขับภูติผีปิศาจได้
เปลือกของผลขูดเอาผิวออกแล้วเอามาต้มกับน้ำ ใส่น้ำตาลจะมีรสหวานกลิ่นหอม
น่ารับประทาน เรียกว่าน้ำอัชบาล
เนื้อในเอามาหั่นเป็นแว่นๆ เอาเมล็ดออก เชื่อมกับน้ำตาล เรียกว่ามะตูมเชื่อม รับประทานอร่อย
น้ำต้มจากผลมะตูมตากแห้งย่างไฟ ดื่มเป็นน้ำบำรุงกำลังสตรีทำให้เลือดลมสมบูรณ์ ช่วยบำรุงฮอร์โมนถือเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับผู้หญิง แต่ขณะเดียวกันจะช่วยลดความกำหนัดในเพศชายจึงใช้ถวายเป็นน้ำปานะแก่พระภิกษุสงฆ์
คุณค่าและประโยชน์ ใบอ่อนและยอดอ่อน ของมะตูม ใช้ทานเป็นผักจิ้มน้ำาพริก หรือกินกับลาบ หรือใส่ในแกงเพื่อช่วยปรุงรสและให้กลิ่นหอมเย็นแถมยังแก้โรค ลำไส้ด้วยเพราะมีสารเมือก (mucilage) เพ็กติน (pectin) และ สารที่มีรสขม
เปลือกมะตูมอ่อน ค่อยๆฝานออกเป็นชิ้นบางๆจะนำไปตาก แห้ง หรือชงสดๆกับน้ำเพื่อดื่มกินแก้ท้องเสียก็ได้ นอกจากนี้ ยังทำเป็นยาธาตุที่ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยรักษาโรคลำไส้ เรื้อรัง หรือแก้โรคบิดในเด็กอย่างได้ผล โดยใช้ผสมใน สัดส่วน 1 ต่อ 10 ดื่ม ไม่ช้า อาการจะคลายและหายไปในที่สุด หรือนำมะตูมอ่อนทั้งลูกมาต้มกับนำ้า แล้วนำไปให้หญิงที่มี ครรภ์ดื่ม เชื่อว่าจะทำให้แม่และเด็กปลอดภัย ช่วยให้คลอดง่าย แถมยังได้ลุ้นลูกหรือหลานที่อยู่ในครรภ์ เพราะว่ากันว่าหาก ต้มลูกมะตูมอ่อนแล้วเปลือกแตกจะได้ลูกสาว ถ้าเปลือกไม่แตกจะได้ลูกชาย
ผลแก่ที่สุกแล้ว จะเลือกทานสด หรือนำมาขูดเปลือกออกให้เกลี้ยง ทุบเปลือก ให้แตก แล้วนำไปต้มกับน้ำตาลทรายแดงทั้งลูก มีสรรพคุณทางยาเป็นยา ระบายท้อง เหมาะสาหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ท้องผูกเป็นประจำทำให้ถ่ายคล่อง แถมยังช่วยผายลม แก้ร้อนใน และที่สำคัญ จากการทดลองพบว่าสารเพ็กติน ในมะตูมมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคในลำไส้ได้ด้วยนะ
สุดท้ายท้ายสุด ยางมะตูม สามารถใช้แทนกาวไว้ติดสิ่งของได้อีกต่างหาก
การเจริญเติบโต : เกิดตามป่าเบญจพรรณ ป่าโปร่งแห้งแล้งทั่วไป เป็นไม้ป่าที่
มีดอกหอมส่งกลิ่นไปได้ไกลมาก
สรรพคุณ :
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน รากเตยและมะตูมแห้ง อย่างละ ๓๐ กรัม ต้มน้ำดื่มขณะอุ่น ๓ เวลาก่อนอาหารเวลาละครึ่งแก้ว ตับอ่อนจะค่อยๆฟื้นฟูอย่างช้า ๆ น้ำตาลในเลือดจะค่อยๆลดลง
ผล ตากแดดแห้ง ปรุงเป็นยาธาตุ แก้ธาตุพิการ
ผลดิบ ใช้เป็นยาสมาน รักษาโรคเกี่ยวกับกระเพาะ แก้ท้องเสีย แก้บิด
ผลสุก ใช้เป็นยาระบายรักษาอาการท้องผูกเรื้อรัง แก้โรคไฟธาตุอ่อน แก้ครั่นเนื้อครั่นตัว แก้ท้องเสีย แก้บิดเรื้อรัง ช่วยย่อยอาหาร แก้ลมเสียดแทงในท้อง แก้มูกเลือด บำรุงธาตุไฟให้ย่อยอาหาร แก้กระหายน้ำ ขับลมผายลม
เปลือกของรากและลำต้น รักษาไข้จับสั่น ขับลมในลำไส้
ใบสด คั้นเอาน้ำกิน แก้หวัด แก้หลอดลมอักเสบ แก้ตาบวม แก้เยื่อตาอักเสบ
ราก นำมาคั่วให้เหลือง เอามาดองสุรากลบกลิ่นสุราได้ดีมาก
ข้อมูลของอินเดียระบุไว้ว่า สารสกัดจากใบมะตูมช่วยทำให้เนื้อตับและไตที่ผิดปกติเนื่องจากภาวะของเบาหวาน สามารถกลับคืนสู่ภาวะใกล้เคียงปกติ และช่วยในการฟื้นฟูของตับอ่อนที่ถูกทำลาย ซึ่งสอดคล้องกับสรรพคุณที่ทางยาไทยใช้มะตูมเป็นยาสมุนไพรบำรุงไฟธาตุ บำรุงน้ำดี
น้ำมะตูม ดื่มเป็นประจำเป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงกำลัง เจริญอาหาร
ส่วนประกอบ : ผลมะตูมอ่อนฝานตากแห้ง 5 ชิ้น น้ำ 1 ลิตร
วิธีทำ : นำมะตูมฝานตากแห้ง ย่างไฟให้เกรียมพอประมาณ ใส่ภาชนะ ใส่น้ำต้มให้เดือด ดื่มอย่างกับน้ำชา หรือถ้าชอบหวานเติมน้ำตาลเล็กน้อย
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ต้านยีสต์ ต้านไวรัส ต้านเชื้อมาลาเรีย ฆ่าไส้เดือน ฆ่าพยาธิ ฆ่าแมลง ยับยั้งการหดเกร็งของลำไส้ ยับยั้งการเคลื่อนไหวของลำไส้ คลายกล้ามเนื้อเรียบ ต้านฮีสตามีน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ยับยั้งระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มระดับอินซูลิน( insulin) ลดระดับไขมันใน ลดการอักเสบ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการวิจัยพบว่าเมื่อนำสารแทนนินซึ่งสกัดจากใบมะตูมไปใช้ทดสอบกับหนูขาวที่เป็นโรคเบาหวาน ทำให้หนูขาวนั้นมีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง เนื่องจากเกิดการหลั่งของอินซูลินหรือฮอร์โมนควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมากขึ้น
มะตูมเป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในอินเดีย ถือเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวแทนของพระอิศวร ตามความเชื่อในเรื่องการปลูกต้นไม้ตามทิศกล่าวว่า ปลูกมะตูมทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบ้าน จะช่วยป้องกันเสนียดจัญไร และเป็นมงคลนามให้ผู้อยู่อาศัยมีชื่อเสียงเรียงนามดังตูมตามลือเลื่อง
ด้วยลักษณะของใบมะตูมที่มีแฉก 3 แฉก คล้ายตรีศูล อาวุธขององค์พระอิศวร ก็ยิ่งสอดคล้องกับความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ที่กล่าวว่าต้นมะตูมเป็นไม้ ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีการบูชาพระอิศวรจะมีการถวายใบมะตูมพร้อมท่องมนต์ หรือใช้ใบมะตูมแช่ในน้ำมนต์หรือวางไว้ใต้ตำรา มีความหมายว่าเบิกบาน ตูมแตกหน่อขึ้นมา

เมื่อศาสนาพราหมณ์เผยแผ่เข้าสู่ประเทศไทย เราก็ได้รับอิทธิพลในการนำใบมะตูมมาใช้ในพิธีสำคัญต่างๆ ด้วย เช่น ในพิธีแรกนาขวัญ พิธีแต่งงาน รวมถึงเอกอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มที่จะไปรับราชการในต่างประเทศ และเข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลลา พระมหากษัตริย์จะพระราชทานใบมะตูมทัดหู เป็นต้น
กล่าวกันว่าใบมะตูมช่วยขับไล่เสนียดจัญไรได้ ชนิดที่ว่าใครที่โดนผีเข้าเอาใบมะตูมเหน็บหูผีจะออกทันที (ความเชื่อ)
ในทางพุทธศาสนา เชื่อกันว่าพระพรหมเคยถวายผลมะตูมแด่องค์พระศาสดา และพระองค์ได้ประสาทมงคลพรไว้ว่า มะตูมเป็นผลไม้ที่ดีที่สุดควรค่าแก่การเป็นเครื่องบูชา ป้องกันเสนียดจัญไร ขับไล่สิ่งอัปมงคล ภูติผีปีศาจได้ ใช้ทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ได้
ตามความเชื่อของชาวฮินดู ใบมะตูมถือเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดีย เพราะคนอินเดียเชื่อว่าต้นมะตูมนั้นเป็นต้นไม้แห่งพระศิวะ ตามคัมภีร์จตุรมาสมหาตมะยะ ได้กล่าวไว้ว่า ใบมะตูมที่เป็นสามแฉกนั้นแทนพระผู้เป็นเจ้าทั้งสามพระองค์ คือ พระพรหม พระนารายณ์ และพระศิวะ ส่วนในคัมภีร์ไชมินีอรัณยกถากล่าวว่า นางเทราปที พระมหาสีของกษัตริย์ปานฑพทั้ง 5 ได้เคยถวายใบมะตูมที่มีจำนวนถึง 100,000 ใบแด่พระศิวะเพื่อขอพร เครื่องยืนยันว่าใบมะตูมเป็นไม้บูชาแห่งองค์ศิวะเทพคือ ชาวฮินดูมักจะเขียนรูปศิวลึงค์กับใบมะตูมไว้ด้วยกันเสมอ บ้างก็ว่าต้นมะตูมเกิดจากตรีพระนารายณ์ บางทีก็ว่าเสมือนอาวุธคู่พระทัยของพระศิวะนั่นคือตรีศูร และอีกอย่างครับ ชาวฮินดูมักจะใช้ใบมะตูมบูชาแก่พระศิวะในเทศกาลต่างๆ โดยจะขาดเสียไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดคือ 108 ใบ
ใบมะตูม ใช้บูชาเทพเจ้าทางฮินดูได้ทุกพระองค์
ใบสะเดา ใช้บูชาทางสายศักตินิกายคือใช้บูชาเจ้าแม่
ใบกระเพาะหรือกระเพาะแดง ใช้บูชาในสายของไวษณพนิกายหรือบูชาพระนารายณ์และพระนางลักษมี 108 ใบ กับ 108พระนาม พระศิวะน่ะครับ สวดจบ๑พระนาม ก็วางลง๑ใบ หรืออีกบทนึงที่นิยมสวดเวลาถวายก็ โอม ตัสมัย จักรายะ นมัส ศิวายะ
แก้ไขข้อมูลเมื่อ 23 Feb 22 06:59