 
    
                        ชื่อสินค้า:
                    
                    ว่านเสน่ห์ดอกทอง (ดอกทองแท้-ตัวผู้)
                        รหัส:
                    
                    
                        129890
                    
                
                        ประเภท:
                    
                
                        ราคา:
                    
                        50.00 บาท
                        /หัว
                    
                
                            ติดต่อ:
                        
                            คุณเอก รังค์ว่าน
                        
                    
                        ที่อยู่ร้าน:
                    
                        อ.เมืองตาก  จ.ตาก
                    
                
                        ร้านนี้แจ้งเลขทะเบียนพานิชย์แล้ว
                     เปิดร้านมาแล้ว 14 ปี 9 เดือน
                
                        
                                ไอดีไลน์:
                            
                        
                            โทรศัพท์:
                        
                    คำเตือน:  โปรดตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการทุจริต การขอชำระเงินปลายทางเมื่อรับสินค้าถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี
        
            รายละเอียด
            
    
                ว่านดอกทอง จัดเป็นประเภทของว่านมหาเสน่ห์พันธุ์หนึ่งที่ใกล้สูญพันธุ์ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma spp. อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE ตระกูลเดียวกับขิง
ณรงค์ศักดิ์ ค้านอธรรม เจ้าของหนังสือว่านสมุนไพร ไม้มงคล นักอนุรักษ์ว่านไทยโบราณ อธิบายลักษณะว่า เป็นพืชล้มลุก มีลักษณะลำต้นใต้ดินเป็นเหง้ากลม แตกแง่งเป็นไหลเล็ก ยาว 5-10 นิ้ว รากเป็นเส้นใหญ่ ไม่แตกรากฝอย ลำต้นและใบเหมือนขมิ้น ลำต้นประกอบด้วยกาบของก้านใบหลายกาบซ้อนกัน ใบรูปใบพาย ปลายใบแหลม โคนใบมนสอบติดก้านใบ พื้นใบสีเขียว เส้นกลางใบสีแดงเข้มหรือแดงเลือดหมู ส่วนที่เห็นเป็นลำต้นเหนือดินสีแดงเข้มเช่นกัน ลำต้นส่วนที่ฝังอยู่ในดินและหัวเป็นสีขาวหรือขาวอมเขียว รากเป็นสีน้ำตาล ช่อดอกเป็นกาบเรียงซ้อนสับขวางกันหลายๆ กาบ ความสูงของต้นประมาณ 1 ฟุต
ถ้าเป็นตัวเมียจะเรียกอีกอย่างว่า ดินสอฤาษี ลักษณะต้นและใบจะไม่มีสีแดงเจือปน เมื่อหักหัวออกจะมีกลิ่นคาวจัดคล้ายอสุจิของคน กลิ่นจะรุนแรงมาก เนื้อในหัวมีสีขาว ดอกมีสีขาว เกสรสีเหลือง นอกจากนี้ ยังมีดอกทองกระเจา ที่มีดอกเป็นรูปกรวย และมีกลิ่นคาวเช่นกัน แต่ไม่เท่าดินสอฤาษี
ดอกจะออกในช่วงฤดูร้อนต่อเนื่องจนถึงฤดูฝน คล้ายดอกกระเจียว แต่ไม่มีก้านดอก อยู่ติดกับพื้นดิน โดยแทงดอกขึ้นจากเหง้าหลักที่อยู่ใต้ดินก่อนการงอกของใบ
พบมากทางภาคตะวันตกและภาคเหนือ แถบจังหวัดกาญจนบุรี ตาก ลำปาง
วิธีปลูก ในดินร่วนปนทราย ไม่ชอบน้ำท่วมขัง ควรวางให้ได้รับแสงแดดรำไรบ้างพอสมควร ขยายพันธุ์ โดยการแยกหน่อ
ตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง โดยเฉพาะสตรีจะเกิดรุนแรงมาก ถ้าเอาหัว หรือใบ หรือต้นใส่โอ่งน้ำหรือบ่อน้ำ หากใครกินเข้าไปจะมีความรู้สึกทางเพศรุนแรง โดยเฉพาะดอกถ้าส่งกลิ่น คนที่ได้กลิ่นจะพากันมัวเมาในโลกียรส จึงมีความเชื่อว่าต้องเด็ดดอกทิ้ง
นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อว่าหากปลูกไว้ที่หน้าบ้าน ร้านค้าหรือสถานบริการ จะมีสรรพคุณทางเมตตามหานิยม ทำให้มีลูกค้าอุดหนุนเนืองแน่น อย่างไรก็ตาม บางตำราระบุว่าห้ามนำไปปลูกภายในบ้าน เพราะมีความเชื่อว่าอาจจะเป็นเหตุให้มีการผิดลูกเมียของสมาชิกในครอบครัวได้ (เนื่องจากคนไทยสมัยโบราณมักจะอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่)
คนหนุ่มสมัยโบราณยังมักเสาะแสวงหาดอกของว่านดอกทองเก็บสะสมไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ หรือบดรวมกับสีผึ้งทาปาก ใช้น้ำมันทาตัว หรือใช้สีผึ้งสีปากเมื่อถึงคราวจะต้องไปพบหญิงสาว ด้วยมีความเชื่อว่าหากสตรีใดต่อคารมด้วย พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้งมักใจอ่อนคล้อยตามได้ง่าย
ที่มา: น.ส.พ. ข่าวสด
แก้ไขข้อมูลเมื่อ 17 พ.ย. 67 07:46
            ณรงค์ศักดิ์ ค้านอธรรม เจ้าของหนังสือว่านสมุนไพร ไม้มงคล นักอนุรักษ์ว่านไทยโบราณ อธิบายลักษณะว่า เป็นพืชล้มลุก มีลักษณะลำต้นใต้ดินเป็นเหง้ากลม แตกแง่งเป็นไหลเล็ก ยาว 5-10 นิ้ว รากเป็นเส้นใหญ่ ไม่แตกรากฝอย ลำต้นและใบเหมือนขมิ้น ลำต้นประกอบด้วยกาบของก้านใบหลายกาบซ้อนกัน ใบรูปใบพาย ปลายใบแหลม โคนใบมนสอบติดก้านใบ พื้นใบสีเขียว เส้นกลางใบสีแดงเข้มหรือแดงเลือดหมู ส่วนที่เห็นเป็นลำต้นเหนือดินสีแดงเข้มเช่นกัน ลำต้นส่วนที่ฝังอยู่ในดินและหัวเป็นสีขาวหรือขาวอมเขียว รากเป็นสีน้ำตาล ช่อดอกเป็นกาบเรียงซ้อนสับขวางกันหลายๆ กาบ ความสูงของต้นประมาณ 1 ฟุต
ถ้าเป็นตัวเมียจะเรียกอีกอย่างว่า ดินสอฤาษี ลักษณะต้นและใบจะไม่มีสีแดงเจือปน เมื่อหักหัวออกจะมีกลิ่นคาวจัดคล้ายอสุจิของคน กลิ่นจะรุนแรงมาก เนื้อในหัวมีสีขาว ดอกมีสีขาว เกสรสีเหลือง นอกจากนี้ ยังมีดอกทองกระเจา ที่มีดอกเป็นรูปกรวย และมีกลิ่นคาวเช่นกัน แต่ไม่เท่าดินสอฤาษี
ดอกจะออกในช่วงฤดูร้อนต่อเนื่องจนถึงฤดูฝน คล้ายดอกกระเจียว แต่ไม่มีก้านดอก อยู่ติดกับพื้นดิน โดยแทงดอกขึ้นจากเหง้าหลักที่อยู่ใต้ดินก่อนการงอกของใบ
พบมากทางภาคตะวันตกและภาคเหนือ แถบจังหวัดกาญจนบุรี ตาก ลำปาง
วิธีปลูก ในดินร่วนปนทราย ไม่ชอบน้ำท่วมขัง ควรวางให้ได้รับแสงแดดรำไรบ้างพอสมควร ขยายพันธุ์ โดยการแยกหน่อ
ตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง โดยเฉพาะสตรีจะเกิดรุนแรงมาก ถ้าเอาหัว หรือใบ หรือต้นใส่โอ่งน้ำหรือบ่อน้ำ หากใครกินเข้าไปจะมีความรู้สึกทางเพศรุนแรง โดยเฉพาะดอกถ้าส่งกลิ่น คนที่ได้กลิ่นจะพากันมัวเมาในโลกียรส จึงมีความเชื่อว่าต้องเด็ดดอกทิ้ง
นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อว่าหากปลูกไว้ที่หน้าบ้าน ร้านค้าหรือสถานบริการ จะมีสรรพคุณทางเมตตามหานิยม ทำให้มีลูกค้าอุดหนุนเนืองแน่น อย่างไรก็ตาม บางตำราระบุว่าห้ามนำไปปลูกภายในบ้าน เพราะมีความเชื่อว่าอาจจะเป็นเหตุให้มีการผิดลูกเมียของสมาชิกในครอบครัวได้ (เนื่องจากคนไทยสมัยโบราณมักจะอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่)
คนหนุ่มสมัยโบราณยังมักเสาะแสวงหาดอกของว่านดอกทองเก็บสะสมไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ หรือบดรวมกับสีผึ้งทาปาก ใช้น้ำมันทาตัว หรือใช้สีผึ้งสีปากเมื่อถึงคราวจะต้องไปพบหญิงสาว ด้วยมีความเชื่อว่าหากสตรีใดต่อคารมด้วย พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้งมักใจอ่อนคล้อยตามได้ง่าย
ที่มา: น.ส.พ. ข่าวสด
แก้ไขข้อมูลเมื่อ 17 พ.ย. 67 07:46
                คำสำคัญ:
                ดอกทอง
                    ต้นว่านเสน่ห์ดอกทอง
            
         
        