ค้นหาสินค้า

ข้าวสารดอกเล็ก

ขายต้นข้าวสารดอกเล็ก ราคาถูก การปลูกข้าวสารดอกเล็ก วิธีดูแล และการขยายพันธุ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อสามัญ ลักษณะข้าวสารดอกเล็ก ดอกและสรรพคุณ

ข้าวสารดอกเล็ก

จังหวัดที่ขายข้าวสารดอกเล็ก

ดูสินค้าหมวด ข้าวสารดอกเล็ก ทั้งหมดในเว็บ

ลักษณะพฤกษศาสตร์ของข้าวสารดอกเล็ก (3430)

ชื่อวิทยาศาสตร์:    Raphistemma heoperianum Decne.
ชื่อวงศ์:    ASCLEPIAPACEAE
ชื่อสามัญ:    -
ชื่อพื้นเมือง:    ข้าวสาร เครือข้าวสาร (ภาคกลาง) ข้าวสารดอกเล็ก (กรุงเทพฯ) เมือยสาร (ชุมพร) เคือคิก (สกลนคร) ปลายสาน ดอกข้าวสาร ผักข้าวสาร (อุดรธานี-อีสาน)
ลักษณะทั่วไป:
    ต้น    เป็นพันธุ์ไม้เลื้อยล้มลุก ลำต้นหรือเถามีความสูงผิวของลำต้นหรือเถาจะเกลี้ยงเรียบ และหากลำต้นได้รับบาดแผลก็จะมียางสีขาวไหลออกมา
    ใบ    ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ใบเป็นรูปไข่ หรือรูปไข่แกน ขอบขนาน ตรงปลายใบจะแหลมเป็นหางยาว ขอบใบเรียบ โคนใบเว้าทั้งสองข้าง และจะห้อยเป็นรูปติ่ง เนื้อใบจะบาง ด้านบนที่ตรงเส้นกลางใบจะมีขนสั้น ๆ และจะออกเป็นกระจุก ก้านใบเล็กและเรียว
    ดอก    ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบ ดอกมีขนาดเล็ก มีกลิ่นหอม กลีบดอกจะเป็นรูปไข ปลายมน  ตรงบริเวณโคนกลีบดอกจะเชื่อมติดกัน และหนึ่งดอกจะมีกลีบดอกอยู่ 5 กลีบ กลีบดอกมีสีขาว และต่อมาจะกลายเป็นสีเหลืองอ่อน ส่วนโคนดอกจะเชื่อมติดกันเป็นท่อยาว กลีบดอกจะยาวกว่าท่อดอกเล็กน้อย ที่บริเวณปลายกลีบดอกจะมีสีม่วงแต้ม ภายในดอกเกสรลักษณะเป็นเส้นสีขาว
    ฝัก/ผล    ฝักรูปไข่ แกมขอบขนานยาว
    เมล็ด    มีขนปุยสีขาว ปลิวไปตามลมได้
ฤดูกาลออกดอก:    ออกดอกในช่วงฤดูหนาว
การขยายพันธุ์:    การเพาะเมล็ด และการปักชำ
ส่วนที่มีกลิ่นหอม:    ดอกมีกลิ่นหอม และแรงกว่ากลิ่นดอกชำมะนาด
การใช้ประโยชน์:    ไม้ประดับ และเพื่อการบริโภค  
แหล่งที่พบ:    ขึ้นตามชายป่าดิบทั่วไป พบมากทางแถบภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง
ส่วนที่ใช้บริโภค:    ช่อดอก เถา โคนของลำต้น
การปรุงอาหาร:    - ดอก ใช้แกงส้ม เถา ลอกเปลือกจิ้มน้ำพริก
                          - โคนต้นที่หมกดิน ล้างแล้วต้มลอกเปลือกนำมา เป็นผักจิ้มน้ำพริก


ลักษณะพฤกษศาสตร์ของข้าวสารดอกใหญ่ (3431)

ชื่อวิทยาศาสตร์:    Raphistemma pulchellum (Roxb.)
ชื่อวงศ์:    ASCLEPIAPACEAE
ชื่อสามัญ:    -
ชื่อพื้นเมือง:    ข้าวสาร(กลาง) เครือเขาหนัง(เหนือ) ข้าวสารดอกใหญ่(กรุงเทพฯ)เคือคิก(สกลนคร) โอเคือ(ลาว) ไคร้เครือ(สระบุรี) เซงคุยมังอูมื่อมังอุยเหมื่อเซงครึย(กะเหรี่ยง-ลำปาง) เมืองสาร(ชุมพร)
ลักษณะทั่วไป:
    ต้น    จะมีขนาดเล็กและมีผิวเกลี้ยง และหากลำต้นหรือเถาได้รับบาดแผล ก็จะมียางสีขาวไหลออกมา
    ใบ    ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ใบคล้ายรูปไข่หรือรูปหัวใจ ปลายใบจะแหลมเป็นหางยาว ขอบใบเรียบ โคนใบเว้า  เนื้อในบางบริเวณด้านบนตรงกลางใบจะมีขนขึ้นเป็นกระจุก ก้านใบเล็กและเรียว
    ดอก    มีดอกสีขาวขนาดใหญ่  ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบ ช่อหนึ่ง ๆ จะมีดอกประมาณ 4-10 ดอก และก้านดอกจะมีขนาดเล็กมาก มีกลีบรองกลีบดอก 5 กลีบ ลักษณะคล้ายรูปไข่ หรือรูปขนาน ตรงปลายจะกลม ขอบกลีบบาง ตรงโคนจะเชื่อมติดกัน กลีบดอกมีสีขาว โคนกลีบดอกจะเชื่อมติดกันเป็นรูประฆัง ปลายกลีบดอกจะหนา และสั้นกว่าท่อดอก
    ฝัก/ผล    มีลักษณะเป็นฝัก และโค้ง
ฤดูกาลออกดอก:    ออกดอกในช่วงฤดูหนาว
การขยายพันธุ์:    การเพาะเมล็ด
ส่วนที่มีกลิ่นหอม:    ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆในเวลากลางคืน
การใช้ประโยชน์:    เป็นไม้ดอกไม้ประดับ บริโภค และสมุนไพร   
แหล่งที่พบ:    เกิดตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่ว ๆ ไป
ส่วนที่ใช้บริโภค:    ดอก เถา โคน
การปรุงอาหาร:    นิยมนำมาแกงส้ม ต้มทานกับน้ำพริก หรือทอดกับไข่ เถา ลอกเปลือกจิ้มน้ำพริก โคนต้นที่หมกดิน ล้างแล้วต้มลอกเปลือกนำมา เป็นผักจิ้มน้ำพริก