อาหารชั้นขอดของโค
เพิ่มอัตราผลผลิตทางด้านเนื้อและนมทุกสายพันธุ์
ใบมะรุมใช้เลี้ยงสัตว์เพื่อเพิ่มผลผลิตอย่างได้ผล
ใบมะรุมมีธาตุอาหารและโปรตีนสูงสำหรับการบริโภคของมนุษย์ ในขณะเดียวกันมันก็มีคุณค่าทางอาหารและมีโปรตีนสูงสำหรับการบริโภคของสัตว์ เช่นเดียวกัน
จากการทดลองของ Mr. Nikolaus Foidl
Mr. Nikolaus Foidl นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรีย ซึ่งไปอาศัยอยู่ที่ประเทศนิการากัว กำลังทำการทดลองการใช้ใบมะรุมสำหรับ เลี้ยงสัตว์ เขากับคณะกำลังทดลองประโยชน์ต่างๆของมะรุมตั้งแต่ทศวรรษปี 1990 ทั้งนี้โดยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย โฮเฮนไฮม์(University of Hohenheim) ประเทศเยอรมนี และ สถาบันเทคโนโลยีสมาพันธรัฐสวิส (The Swiss Federal Institute of Technology) เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ในการทดลองโครงการหนึ่งของ Mr. Nikolaus Foidl และคณะ เขาได้ทดลองให้วัวกินใบมะรุมน้ำหนัก 15-17 กิโลกรัมโดย ผสมลงไปกับอาหารปกติทุกวัน ผลปรากฏว่า
-วัวนมจะให้นมเพิ่มขึ้น 45 %
-วัวเนื้อให้เนื้อเพิ่มขึ้นวันละ 32 %
-วัวพันธุ์ ตกลูกมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นตัวละ 3-4 กิโลกรัม(ปกติวัวพันธุ์เจอร์ซี ตกลูกมีน้ำหนักเฉลี่ยตัวละ 22 กิโลกรัม)
ปัจจุบัน Mr. Nikolaus Foidl และคณะก็กำลังทำการทดลองใบมะรุมกับวัวจำนวนมากอยู่ที่ประเทศโบลิเวีย โดยให้วัวหลายพันตัวกินใบมะรุมผสมกับฟาง
จากการศึกษาของ Dr. Nadir Reyes Sanchez
ใน ปี ค.ศ. 2006 Dr. Nadir Reyes Sanchez ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์สวีเดน (The Swedish University of Agricultural Sciences) เมืองอุปป์ซาลา ประเทศสวีเดน ได้ทำการวิจัยโดยการเปรียบเทียบการให้นมในแต่ละวันของวัวนมที่ให้กินฟาง อย่างเดียวกับวัวนมที่ให้กินฟางผสมกับใบมะรุม ผลปรากฏว่า
-วัวที่ให้กินฟางอย่างเดียว ให้น้ำนมวันละ 3.1 กิโลกรัม
-วัวที่ให้กินฟางผสมใบมะรุม 2 กิโลกรัม ให้นมวันละ 4.9 กิโลกรัม(เพิ่มขึ้น 58%)
-วัวที่ให้กินฟางผสมใบมะรุม 3 กิโลกรัม ให้นมวันละ 5.1 กิโลกรัม(เพิ่มขึ้น 65%)
ประโยชน์ที่จะเกิดกับเกษตรกร
หากใบมะรุมสามารถ เพิ่มน้ำหนักเนื้อของวัวเนื้อและเพิ่มน้ำหนักนมของวัวนมได้จริงอย่างที่ทำ การทดลองข้างต้น ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลสำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงโคเนื้อ โคพันธุ์ และโคนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรในแถบเอเชียและแอฟริกา การใช้ใบมะรุมเลี้ยงวัวเป็นวิธีเพิ่มผลผลิตที่ใช้ต้นทุนต่ำ และในเมืองไทยเราเองเกษตรกรก็ควรนำวิธีนี้มาใช้ได้เช่นเดียวกัน.
ปัจจุบันมีการนำเข้าเมล็ดพันธุ์มะรุมจากประเทศอินเดีย ซึ่งจากงานวิจัยในต่างประเทศพบว่า มะรุมสายพันธุ์อินเดียมีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าของไทยเราหลายเท่าตัว ดูจากตารางคุณค่าทางอาหารและคุณสมบัติของสายพันธุ์เปรียบเทียบ
ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของสายพันธุ์
ข้อเปรียบเทียบ สายพันธุ์อินเดีย SK1 สายพันธุ์ไทย
ความสูงของต้น 2.5-3 เมตร 3-6 เมตร
ความยาวของฝัก 70-100 ซม. 60 ซม.
ปริมาณฝักต่อ 1 ต้น 250-300 ฝัก 150-200 ฝัก
ปริมาณเมล็ดต่อ 1 ฝัก 30-40 เมล็ด 20 เมล็ด
ระยะเวลาที่จะให้ผลผลิต 10-12 เดือน 2-3 ปี
คุณค่าทางอาหาร มากกว่า น้อยกว่า
ตาราง แสดงคุณค่าทางอาหารส่วนที่กินได้ 100 กรัมของไทย
ส่วนของพืช ฝัก ใบ
พลังงาน กิโลแคลอรี 32 -
โปรตีน กรัม 2.2 -
ไขมัน 0.2 -
คาร์โบไฮเดรต 5.4 -
แคลเซียม มิลลิกรัม 9.0 -
ฟอสฟอรัส 26 -
เหล็ก 1.5 -
วิตามินบี1 0.05 -
วิตามินบี2 0.05 -
ไนอาซิน 0.6 -
วิตามินซี 262 -
เบต้า-แคโรทีน RE 19.16 908.74
ไยอาหาร กรัม -
กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข,ตารางแสดงคุณต่าทางโภชนาการของอาหารไทย.2535. วิเคราะห์โดยสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
ตาราง แสดงคุณค่าทางอาหารส่วนที่กินได้ 100 กรัมของอินเดีย ส่วนของพืช ฝัก ใบ ดอก
Calcium 440 30 51
Phosphorus 70 110 90
Iron 7.0 5.3 -
Thiamine 0.06 0.05 -
Riboflavin 0.05 0.07 -
Niacin 0.8 0.2 -
Vitamin C 220 120 -
Carotene 6,780 110 -
Oxalic acid - 101 -