ค้นหาสินค้า

การปลูกแตงโม

ผมต้องการปลูกแตงโม 10 ไร่ ประมาณ เดือนธันวาคม 2553 ขอคำแนะนำ    
1. การเตรียมดิน    
2. พันธุ์    
3. ระบบน้ำหยด หรือน้ำพุ่ง    
4. ตลาด    
5. ศัตรู และโรค    
6. ชนิดปุ๋ย และระยะเวลาใส่ปุ๋ย

ผมต้องการปลูกแตงโม 10 ไร่ ประมาณ เดือนธันวาคม 2553 ขอคำแนะนำ    
1. การเตรียมดิน    
2. พันธุ์    
3. ระบบน้ำหยด หรือน้ำพุ่ง    
4. ตลาด    
5. ศัตรู และโรค    
6. ชนิดปุ๋ย และระยะเวลาใส่ปุ๋ย    
   
1. แตงโมต้องการการระบายน้ำที่ดี ไม่ชอบน้ำขัง ดังนั้นควรไถดินให้ค่อนข้างฟูสักหน่อย และเว้นที่ให้เถาเลื้อยประมาณ 2-3 เมตร แล้วแต่สภาพพื้นที่    
   
2. พันธุ์ที่เหมาะ แล้วแต่ตลาดครับ ไม่ฟันธง ที่นิยมจะเป็นประมาณ C28 หรือ C29 แต่ว่าอย่าเชื่อแรงเชียร์ของร้านนะครับ ให้ดูตลาดรับซื้อเป็นหลัก    
   
3. ระบบน้ำหยด จ่ายน้ำน้อยแต่ต้องจ่ายนาน หรือบ่อยๆ เพื่อให้น้ำพอต่อความต้องการ เหมาะกับพื้นที่ที่แหล่งน้ำอยู่สูง หรือปั๊มมีขนาดเล็ก ระบบน้ำพุ่ง จ่ายน้ำได้มากกว่า ใช้เวลาน้อยกว่า ใช้ปั๊มตัวใหญ่กว่า และไม่เหมาะกับพลาสติกคลุมแปลง    
   
จากข้อดี ข้อเสียเหล่านี้ คุณต้องพิจารณาแหล่งน้ำ ปั๊มน้ำ และลักษณะการปลูกครับว่าจะใช้พลาสติกคลุมแปลงหรือเปล่า สำหรับตัวผมเอง นิยมน้ำพุ่งครับ แต่ระวังช่วงติดลูกหน่อย ถ้าน้ำไม่สม่ำเสมอ ระวังลูกแตก    
   
4. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุดเลย หาให้ได้ก่อนปลูกนะครับ อีกประการคือ ราคา จะเอาแน่นอนไม่ได้เลย บางปีก็ถูกมาก บางปีก็แพงมาก ขึ้นกับปริมาณการปลูกของทั้งประเทศ เอาเป็นว่าผมตอบไม่ได้ก็แล้วกันครับ    
   
5. แมลงปากดูดเช่นเพลี้ยไฟ เพลี้ยอ่อน แมลงหวี่ขาว แมลงปากกัดเช่นด้วงเต่าแตง หนอนเจาะลูก หนอนไถเปลือก เสี้ยนดิน(เจาะลูกบริเวณที่สัมผัสกับพื้นดิน) แนะนำให้ใช้ยาฆ่าแมลงไล่จาก อ่อนไปแรง เปลี่ยนกลุ่มยาทุกครั้งด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการดื้อยา จะพบว่าแมลงช่วงนั้นจะมามาก และดื้อยาเร็วมาก เพราะเป็นช่วงแล้ง สำหรับตารางการใช้ยา ให้ปรึกษากับร้านค้าท้องถิ่น เลือกร้านใหญ่หน่อยนะครับ จะได้มียาหลากหลายหน่อย ผมจะฟังธงบอกชื่อยาก็ใช่ที่ เดี๋ยวหาไม่ได้ หรือร้านเขามีตัวดีกว่า คุณจะเสียโอกาส อีกอย่างผมเลิกทำแคนตาลูปมาเกือบสิบปีแล้ว ยาใหม่ๆมีเข้ามามากด้วย    
   
โรคมีหลายตัว ตัวยอดนิยมคือ ราน้ำค้าง ราแป้ง โคนเน่า หรือเน่าคอดิน โรคไหม้ ทั้งหมดนี้เป็นเชื้อรา ใช้สารกำจัดเชื้อราแบบ บอร์ดสเปคตรัม ควบคุมทุก 5 วันก็ OK แล้ว ยาพวกนี้คือ แมนโคเซบ หรือคลอโรทาโลนิล ฉีดให้ทั่วทั้งบนใบและใต้ใบ ไม่ต้องใส่ยาอัตราสูงนะครับ ผมใช้แค่ 15 กรัม/น้ำ 20 ลิตร ผสมยาจับใบดีๆก็ใช้ได้แล้ว แต่เน้นว่าฉีดสม่ำเสมอ ทุก 5 วัน นะครับ ถ้ายังมีโรคเข้ามาคุกคามอีก ก็ต้องจัดการตามความเหมาะสม เช่น ราน้ำค้าง ใช้ เมททาแลคซิล แต่ถ้าเป็นรุนแรง ให้เปลี่ยนเป็นไดเมทโทมอฟ และเน้นว่าต้องฉีดให้เปียกใต้ใบด้วย เพราะเชื้อมันอยู่ใต้ใบ โรคโคนเน่า ใช้เมททาแลคซิลก็พอได้ หรือใช้อัลฟ่า-ฟังก์ชั่นก็ได้ แต่ต้องอัตราสูงหน่อยคือ 100 ซีซี/น้ำ 20 ลิตร ราดโคน หรือฉีดโคนให้ชุ่ม    
   
6. ปุ๋ยควรรองพื้นด้วยปุ๋ยคอก + ปุ๋ยเคมี แนะนำสูตร15-15-15 บางคนบอกเป็นสูตรสิ้นคิด(อาจารย์ผมเองแหละ แหะๆ) เพราะเป็นสูตรครอบจักรวาล แต่ผมว่าดีนะ ไม่ต้องคิดไง ใช้ได้เลย ใส่ปุ๋ย 3 ครั้งก็พอ แตงโมกินไม่ได้มากอยู่แล้วเพราะอากาศเย็น รากไม่ค่อยทำงาน คือใส่ตอนรองพื้น ตอนผสมดอก อีกทีก็ตอนติดลูกแล้วประมาณเท่ากำปั้น ผมอยากแนะนำให้ใช้ปุ๋ยทางใบประกอบด้วย โดยพ่นทุก 5-7 วัน ด้วยหตุผลที่ว่า เมื่อมันกินทางรากไม่ได้ ก็ให้ทางใบแทนซะเลย    
   
ปุ๋ยทางใบแนะนำ    
1. แอฟฟิกซ์ สูตร 12-12-24 อัตรา 50 กรัม/น้ำ 20 ลิตร ใช้ได้ั้ตั้งแต่อายุ 7 วันเป็นต้นไป จนกระทั่งเก็บเกี่ยว ผมเน้นตัวท้ายสูงหน่อย เพื่อควบคุมแรงดันน้ำในเซลพืช (เอาเป็นว่าบอกแค่นี้พอก่อน เรื่องวิชาการมันจะหนักสมองมากไป สงสัยโทรมาคุยกันได้ครับที่  081-8108745)    
   
2. แกมม่า-ฟังก์ชั่น เป็นกรดอะมิโนเข้มข้น ใช้ร่วมกับปุ๋ยเกล็ดเพื่อขยายลูกและเิพิ่มน้ำหนัก ใช้ตั้งแต่ติดลูกเป็นต้นไป อัตรา 30-50 ซีซี/น้ำ 20 ลิตร    
   
3. อาหารเสริมลานาบลู อัตรา 25 กรัม/น้ำ 20 ลิตร ตัวนี้จะช่วยในเรื่องผ่าหนาว-ผ่าร้อน ได้ค่อนข้างดี แถมยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้ต้านไวรัสใบหยิกในแตงได้ด้วย ใช้ตั้งแต่อายุ 7 วันได้เลย    
   
4. แคลเซียมโบรอน ของผมเป็น ลานาเร้ด อัตรา 25 ซีซี/น้ำ 20 ลิตร ในช่วงอายุ 7 วันจนถึงติดลูก และเพิ่มเป็น 50 ซีซี/น้ำ 20 ลิตร หลังติดลูกแล้ว เพื่อป้องกันไส้ล้ม ไส้แตก ตัวนี้น้ำใส ไม่มีสี เหมือนน้ำเปล่าเลย เกรดสูงสุดครับ    
   
   
มีอะไรสงสัยก็โทรถามได้ตามเบอร์ที่ให้ไว้ข้างบนนะครับ แต่ถ้าคิดว่าเป็นประโยชน์แก่คนทั่วไปด้วยละก็ โพสมาก็ดีครับ จะชวยตอบให้ อยากให้รวยกันทุกคนครับ

ขอบคุณมากครับจากคนเมืองจัน

คำสำคัญ: