ค้นหาสินค้า

ปัญหาข้าวรวงดำเมล็ดลีบมีวิธีแก้อย่างไร

การทำนาปรังฤดูที่ผ่านมาพบปัญหาข้าวรวงดำเมล็ดลีบ  ทั้งที่ต้นและใบอยู่ในสภาพปกติเขียวงามดี เกิดจากอะไรมีวิธีป้องกันและแก้ไขอย่างไร

โอทูฟลาโวเจน สารฟลาโวนอยด์ อาหารเสริมพืชอินทรีย์    
   
ข่าวดีสำหรับเกษตรกรไทย    
ด้วยนวัตกรรมใหม่ของวงการเกษตรกรรมไทย "โอทู ฟลาโวเจน Otwo Flavogen" พืชไร่ของท่าน ไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ย ที่มีราคาแพงขึ้นทุกวันสารเคมี สารเร่งฯ และยาฆ่าแมลง อีกต่อไป โอทูฟลาโวเจน เป็นนาโนเทคโนโลยีสมัยใหม่ ของวงการเกษตรเกิดจากการค้นคว้าวิจัยและทดลองในห้องปฏิบัติการมายาวนานจน ประสบผลสำเร็จ    
! ! โอทูฟลาโวเจน คือธาตุอาหารอินทรีย์สำหรับพืชทุกชนิด โดยสกัดมาจากพืช 15 ชนิดที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพเพื่อการเกษตร โดยมี สารฟลาโวนอยด์ ที่สกัดมาจากพืชบางชนิด (Active Flavonoids) มาช่วยกระตุ้นเซลล์ของพืชให้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี ปลอดภัยทั้งผู้ใช้ ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม ฉีดพ่นโอทูฟลาโวเจน โดยไม่ต้องผสมสารจับใบ จะช่วยให้พืชกระตุ้นการสร้างโปรตีน เร่งแป้งเพิ่มน้ำหนัก กระตุ้นการแบ่งเซลล์ ทำให้พืชเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว กระตุ้นการยืดตัวและขยายตัวของเซลล์เสริมสร้างผนังเซลล์(เก็บกักน้ำไว้ ใช้ใน เวลาแล้ง ป้องกันแมลง) กระตุ้นการดูดปุ๋ย (N-P-K)    
ด้วยภูมิปัญญา อันชาญฉลาดของนักวิจัยคนไทยาวนานกว่า 10 ปี จึงได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลต 100% ที่สามารถคิดค้น ธาตุอาหารสำหรับพืชทุกชนิดได้แล้ว การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษ ของนักวิจัยไทย สามารถเพิ่มผลผลิตพืชได้ถึง 100% ซึ่งเป็นสารสกัดจากพืชและสมุนไพรที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ มีฤทธิ์กระตุ้นการเจริญเติบโตของพืชสูงกว่าฮอร์โมนพืชทุกชนิดในปัจจุบัน เช่น ออกซิน จิบเบอเรลลิน หรือสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพอื่นๆ ที่นิยมใช้อยู่ในปัจจุบัน    
ข้อดี    
+ มีผลเพิ่มผลผลิตพืชได้ สูงกว่า 100 % ขณะที่สารอื่นๆ ให้ผลผลิตเพิ่มสูงสุดเพียง 30% เท่านั้น    
+ ใช้ง่าย (ฉีดพ่น 2-3 ครั้ง) ลด เวลา,ค่าใช้จ่ายและแรงงาน    
+ มีศักยภาพสูงในการพัฒนาเป็นสินค้าส่งออกไปจำ หน่าย ทั่วโลก ( ไม่มีคู่แข่งในตลาดโลก)    
+ ป้องกันแมลงศัตรูพืชและโรคพืชได้ ปลอดภัย100% กับเกษตรกร,ผู้บริโภคและ สิ่งแวดล้อม    
   
++ สามารถฉีดพ่น โอทูฟลาโวเจน กับพืชทุกชนิด** *    
++ ช่วยให้พืชมีระบบโครงสร้าง ลำต้น ใบ ราก ที่แข็งแรง ต้านทานโรคและแมลงได้ดี    
++ เนื่องจากการขยายเซลล์ในส่วนต่างๆ ของพืช มีผลทำให้ระบบรากแข็งแรง และพืช สามารถดูดซึมธาตุอาหารจากดิน น้ำ และปุ๋ยได้มากกว่าเดิม ส่งผลให้พืชเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ช่วย ให้พืชติดดอกออกผลก่อนกำหนด ย่นระยะเวลาเก็บเกี่ยว เพิ่มปริมาณและคุณภาพของผลผลิต    
++ พืชจะทนทานต่อความแห้งแล้ง ความหนาวเย็น และสภาพดินเค็ม หรือเป็นกรด- ด่าง เหมาะกับการเกษตรแบบเกษตรอินทรีย์    
   
**ขนาด 500 cc ราคาปกติ 3,500 บาท ราคาสมาชิกลดเหลือ 2,900 บาท .ใช้ได้ประมาณ80ไร่ต่อ1ขวด สำหรับนาข้าว    
   
**ขนาด 100 cc ราคาปกติ 900 บาท ราคาสมาชิกลดเหลือ 700 บาท    
   
ประสบการณ์ตรงใช้มาแล้วด้วยตัวเอง ทำแล้วได้ผลจริง100% ปลอดสารพิษ    
   
ช้าวเป็นเเพลี้ยกะโดดสีน้ำตาล ใช้แล้วไม่มี    
   
ไม่ดีจริงไม่บอกต่อ    
   
ติดต่อคุณสามารถ 0891129904

ข้าวรวงดำ อาการคือเมล็ดข้าวบวม มีผงสีดำอยู่ข้างใน ถ้าเป็นอาการนี้เรียกว่าโรคดอกกระถิน เกิดจากเชื้อราสมัด ถ้าเกิดในอ้อย ก็จะเรียกว่าโรคแส้ดำ เชื้อราประเภทนี้ถ้าเป็นแล้วมันแก้ไม่ได้ เพราะเชื้อราได้เข้าไปทำลายเมล็ดข้าวเรียบร้อยแล้ว ดีที่สุดคือเราต้องป้องกัน    
   
อันที่จริงแล้ว เชื้อราในนาข้าวเกือบทุกตัวเกิดในช่วงข้าวกำลังจะออกรวงแทบทั้งสิ้น ทั้งโรคไหม้ (Blast) ซึ่งมีทั้งไหม้คอรวง ใบไหม้ กาบใบไหม้ โรคใบขีดสีน้ำตาล โรคเมล็ดด่าง ฯลฯ ปัญหามันเนื่องมาจากการใส่ปุ๋ย หรือฉีดยา ที่ไม่ถูกวิธีการ บางครั้งเกษตรกรเอง ได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดการในแปลงนา  ทำให้เข้าใจผิดและเกิดปัญหา    
   
การป้องกันเชื้อราทั้งหลายในนาข้าว ทำได้ง่ายครับ เริ่มต้นจากการใส่ปุ๋ยที่ถูกต้องก่อน    
   
อันนี้ต้องบอกว่าเป็นวิธีการของผมเองนะ ไม่อิงวิชาการของกรมส่งเสริมการเกษตร และกรมวิชาการเกษตร ถ้าบังเอิญนักวิชาการเข้ามาอ่าน ก็ไม่ต้องคิดมากเพราะนี่เป็นประสบการณ์ตรงของผมเอง แต่ถ้าจะเอาไปเป็นผลงานของตัวเอง อันนี้ไม่อนุญาตนะ มันไร้มารยาทเกินไป    
   
จากประสบการณืที่ผมคลุกคลี ส่งเสริมชาวบ้านที่จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับ อ.เสถียร พรหมชัยนันท์ นักวิชาการของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ ทำนาหว่านเมื่อหลายปีมาแล้ว เราสามารถทำให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวขาวดอกมะลิ 105 ซึ่งมีผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 250 กก./ไร่ มีีผลผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 500 กก./ไร่ และ 800 กก./ไร่ ตามลำดับ ในเวลานั้น เราสามารถทำผลผลิตสูงสุดได้ถึง 1,033 กก./ไร่ (ปี 2538 ) ซึ่งปีนั้นฝนดีมาก (ทำแปลงนาสาธิตในซุ้ม ซีพี ในงานเวิลด์เทค95 ที่ม.สุระนารี จ.นครราชสีมา ให้สมเด็จพระเทพฯ ได้ทอดพระเนตร แปลงนั้นลองเกี่ยวเล่นๆ ประเมินผลได้เกือบ 1800 กก./ไร่ ) ผลงานในแปลงนาที่ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ครั้งนั้น ไม่เป็นที่ยอมรับของกรมส่งเสริมการเกษตร !!!    
   
ปัจจุบันผมออกจาก ซีพี มาได้เกือบ 10 ปีแล้ว และทุกวันนี้ก็ยังคงแนะนำชาวบ้าน ให้เพิ่มผลผลิตข้าวตามแนวทางเดิมที่ได้ค้นคว้ามา (ต้องขอบคุณบริษัท ซีพี ,อ.เสถียร พรหมชัยนันท์ ,คุณวิชัย พูนพิริยะทรัพย์ ,อ.มนตรี คงตระกูลเทียน)    
   
เทคนิคในการจัดการ มันเริ่มจากพันธุ์ข้าว เราใช้พันธุ์ข้าวเพียง 15 กก./ไร่ (ปกติชาวบ้านจะใช้ 25 กก./ไร่) หว่านในนา เนื่องจากเราทราบว่าข้าวมันแตกกอได้ และเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง ข้าวอายุประมาณ 45 วัน ระยะระหว่างต้นมันจะอยู่ระมาณ 3-4 นิ้ว ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องใช้พันธุ์ข้าวเยอะ    
   
การควบคุมวัชพืช อันนี้แล้วแต่ถนัด แต่ผมใช้น้ำเป็นตัวควบคุม หว่านข้าวงอกลงแปลงประมาณ 5 วันก็เริ่มเอาน้ำเข้า ให้สูงประมาณ 5 ซม. อีกประมาณ 3 วันข้าวก็โผล่พ้นน้ำเอง จากนั้นก็ไล่ระดับน้ำขึ้นไป    
   
การใส่ปุ๋ย ในเขตนาดินทราย แนะนำ 16-16-8 ดินเหนียวแนะนำ 16-20-0 หลายๆคนอาจคิดว่า ชอบสูตรอื่นมากกว่า ขอตอบว่า อันนี้เป็นเพียงแนวทาง ซึ่งในความเป็นจริง สูตร 18-12-6 ,20-10-5 ,20-10-0 ,16-11-14 ใช้ได้หมด ดีด้วย แต่ยูเรีย (46-0-0) ขอบอกว่า ใช้ได้แต่ต้องระวัง เอาละวิธีการใส่ปุ๋ยเป็นอย่างนี้นะครับ    
   
ครั้งที่1 ข้าวอายุ 15 - 30 วัน ใส่ปุ๋ยอัตรา 15-20 กก./ไร่ ถ้าจะบวกยูเรีย ก็ได้ช่วงนี้แหละครับ แต่อย่าใส่มาก ไม่ควรเกิน 5 กก./ไร่    
   
ครั้งที่2 ข้าวอายุ 45-50 วัน ใส่ปุ๋ยอัตรา 10 กก./ไร่ สูตร 16-20-0    
   
ครั้งที่3 ข้าวอายุ 65-70 วัน ดูสภาพต้นข้าวเอาว่าข้าวเป็นอย่างไร ถ้าเขียวพอดีแล้วก็ไม่ต้องใส่เพิ่ม แต่ถ้าจะใส่ แนะนำ 16-20-0 เท่านั้นอัตราประมาณ 10-15 กก./ไร่ และห้ามใส่ยูเรีย 46-0-0 ,30-0-0 ,21-0-0 เด็ดขาด ข้าวจะเป็นโรคง่าย    
   
การให้ปุ๋ยเกล็ด อาหารเสริม ถ้าจะใช้ก็เป็นช่วงตามนี้แหละครับ ดีที่สุด ปุ๋ยเกล็ดเน้นตัวท้ายสูงจะช่วยเรื่องน้ำหนักได้ดีมาก    
   
การป้องกันเชื้อรา ถ้าทำตามที่บอกนี้ โรคมันก็ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว แต่ถ้าจะป้องกัน ควรเริ่มที่อายุ 45 วันเป็นต้นไป ผมไม่ฟันธงเรื่องชื่อยานะครับ เดี๋ยวนี้มันมีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย ช่วงวิกฤติของเชื้อราคืออายุตั้งแต่ 75-90 วัน ดูแลให้ดี    
   
ทำไมได้ผลผลิตสูง (โม้รึเปล่า หรือว่านั่งเทียนเขียนเอา)    
   
ข้าวอายุ 15-30 วันเป็นช่วงเติบโตทางต้น จึงใส่ปุ๋ยมากหน่อย เสริมยูเรียได้ แต่อย่ามาก เพราะเราต้องการให้ต้นมีความแข็งแรงด้วย    
   
ข้าวอายุ 45-50 วันข้าวเริ่มจะสร้างช่อดอก ยังไม่ท้องนะ และยังคงมีการเจริญเติบโตทางต้นสูงอยู่    
   
ข้าวอายุ 65-75 วันข้าวเริ่มตั้งท้องแล้ว การทำงานในแปลงเริ่มไม่สะดวกแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงสร้างรวง (ยังไม่ออกรวงนะแต่จวนแล้ว) ช่วงนี้รวงจะยาวหรือไม่ สมบูรณ์หรือเปล่า อยู่ที่การจัดการ หนอนกอทำลายข้าวก็ช่วงนี้แหละ ให้สังเกตเอา    
   
ผมแนะนำตามที่ผมทำ สินค้าที่ผมขายก็ระบุช่วงเวลาตามนี้ ลองพิจารณาดูนะครับ และขออวยพรให้โชคดีนะครับ

คำสำคัญ: