ค้นหาสินค้า

ต้นแจง

ร้าน วรากรสมุนไพร
ชื่อสินค้า:

ต้นแจง

รหัส:
325452
ราคา:
25,000.00 บาท
ติดต่อ:
คุณปุณณภา งานสำเร็จ
ที่อยู่ร้าน:
อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 13 ปี 6 เดือน
ไอดีไลน์:
โทรศัพท์:
ปุ่มติดต่อ:
คำเตือน: โปรดตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการทุจริต การขอชำระเงินปลายทางเมื่อรับสินค้าถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี
รายละเอียด
ต้นแจง ไม้ประจำถิ่น โคราช ชัยภูมิ ต้นไม้ในประวัติศาสตร์ ต้นไม้หายาก ต้นไม้ฟอร์มสวย เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่ไม่มากแต่อยากเก็บไม้ยากที่ทรงคุณค่า
ต้นนี้ ราคา 25,000 บาท ค่ะ
ต้นแจง ถือเป็นไม้หายาก ไม้ปราบเซียน แม้แต่คนขุดล้อมเก่งๆ ยังถอดใจกับไม้ต้นนี้ เหมาะสำหรับคนชอบไม้หายากที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เก็บไว้ให้ลูกหลานดู
ช่องทางการติดต่อวรากรสมุนไพรทางไลน์สะดวกที่สุดค่ะ
ไอดีไลน์ herbsddd
QR code https://line.me/ti/p/T-oZ81KZrM
โทร 0629246459
ต้องการมาดูสินค้าโทรนัดหมายล่วงหน้านะคะ
แจง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Maerua siamensis (Kurz.) Pax
วงศ์ Capparidaceae
ลักษณะ
ไม้พุ่มถึงไม้ต้นขนาดเล็ก สูงไม่เกิน 10 เมตร ใบประกอบแบบ 3 ใบย่อย ก้านใบยาว 1.5-6.5 ซม. ใบย่อยเกือบไร้ก้าน รูปไข่กลับ รูปขอบขนานหรือรูปแถบ ยาว 2-12 ซม. โคนใบรูปลิ่มหรือมน ปลายใบกลม เว้าตื้น หรือมีติ่งเล็กๆ ช่อดอกออกที่ปลายกิ่งหรือตามซอกใบ ช่อสั้นๆ บางครั้งคล้ายออกดอกเดี่ยว ก้านดอกยาว 1.5-5.5 ซม. มีกลีบประดับรูปแถบเล็กๆ กลีบเลี้ยงรูปขอบขนาน ยาว 0.7-1 ซม. ขอบกลีบเป็นขนนิ่ม เกสรเพศผู้ 9-12 อัน ก้านเกสรยาว 1-1.5 ซม. อับเรณูรูปขอบขนาน ยาว 1.5-2 มม. ปลายอับเรณูเป็นติ่ง ก้านชูเกสรเพศเมีย ยาว 1.5-2 ซม. รังไข่รูปทรงกระบอก ยาว 1.5-2 มม. ผลรูปรีหรือกลม เส้นผ่านศูนย์กลางยาว 2-2.5 ซม. ก้านผลยาว 4.5-7.5 ซม. เมล็ดรูปไต แจงมีเขตการกระจายพันธุ์เฉพาะในภูมิภาคอินโดจีนรวมทั้งประเทศไทย พบแถบทุกภาค แต่ในภาคใต้พบเฉพาะทางตอนบน ขึ้นในป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง หรือตามป่าโปร่ง ที่โล่ง ชอบเขาหินปูน ระดับความสูงไม่เกิน 400 เมตร ต้นแจงมักจะขึ้นใกล้ๆต้นตะโก
สรรพคุณ
ยอดอ่อนผสมเกลือ รักษาโรครำมะนาด แก้ปวดฟัน
ยอดอ่อนนำมาต้ม ล้างหน้าแก้ตาฝ้าฟาง
เปลือกไม้ ราก ต้มอาบอบ กิน แก้อัมพฤกอัมพาต
ใบ ใช้ทำลูกประคบแก้อัมพฤกอัมพาตเข้าลูกประคบ แก้ฟกช้ำ แก้ขัดเบา
เอาต้นแจงทั้ง ๕ หนัก ๓ ตำลึง ชะพลู หนัก ๓ ตำลึง แก่น ไม้สัก ๓ ตำลึง ตัวยาทั้ง๓ นี้ ใส่หม้อดิน กับน้ำ ๓ ส่วน ต้มเคี่ยว ให้เหลือ ๑ ส่วน ใช้น้ำยารับประทาน เช้า-เย็น แก้ขัดเบาได้ผลชะงัก
ราก เป็นยาบำรุงกำลัง แก้ปัสสาวะพิการ แก้ปวดเมื่อย ขับปัสสาวะ แก้ดีซ่าน แก่หน้ามืดตาฟาง รักษาฝีในคอ แก้ไข้จับสั่น แก้กระษัย
ต้น มีคุณสมบัติเหมือนราก แต่มีคุณสมบัติมากกว่ารากตรงที่แก้แมงกินฟัน ทำให้ฟันทน เปลือก แก้หน้ามืดตาฟาง บำรุงกำลัง แก้ปัสสาวะพิการ แก้กระษัยปวดเมื่อยตามร่างกาย แก่น แก้ไข้ตัวร้อน รากและใบ ต้มน้ำดื่ม แก้ดีซ่าน หน้ามืด ตาฟาง
ใบและยอด ตำโขลกใช้สีฟันทำให้ฟันทน
ใช้ทั้งห้า แก้ไข้จับสั่น แก้ดีพิการ แก้ร้อนในกระหายน้ำ
ประโยชน์
ยอดอ่อนของต้นแจงสามารถนำมาดองรับประทานเป็นผัก เชื่อว่ากินแล้วทำให้ตาสว่างแจ้งจางปาง ซึ่งอาจเป็นที่มาของชื่อต้นไม้ชนิดนี้ เนื่องจากมีคนอีสานอยู่ 2 กลุ่มที่มักออกเสียง “ จ ” และ “ ก ” สลับกัน ไม้ชนิดนี้จึงมีชื่อว่า แก้งหรือแจ้ง นั่นเอง การบริโภคจะต้องทำตามภูมิปัญญาดั่งเดิมที่มีความชาญฉลาด คือใช้วิธีการนำไปดองหรือที่ภาษาอีสานเรียกว่าคั้นส้มก่อนจึงจะรับประทานได้ เช่นเดียวกับการกินยอดผักกุ่ม ผักก่าม ที่ต้องนำไปดอกหรือคั้นส้มก่อนรับประทาน เนื่องจากขณะที่ยังสดๆ มีสารกลุ่มไซยาไนด์ แต่เมื่อนำไปดองหรือคั้นส้ม สารเหล่านี้จะถูกทำให้สลายตัวไป
คนอีสาน เชื่อว่าถ้าได้กินคั้นส้มของยอดอ่อนของต้นแจงปีละครั้งจะช่วยให้ไม่เข้าสู่ สภาวะสายตายาว หรือแก่เฒ่าแล้วยังมองเห็นอะไรๆ ได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องพึ่งแว่นสายตายาว
ภูมิปัญญาในการผลิตลูกแป้งหรือแป้งข้าวหมากของบางหมู่บ้าน มีการใช้ลำต้นของต้นแจงเป็นส่วนผสมที่สำคัญในการผลิตลูกแป้งด้วย
ใช้ทำคอนให้นกเขา จะทำให้นกเขาขยันขัน
ถ้าตัดขวางลำต้นจะเห็นลักษณะของวงปีชัดเจน จึงนิยมนำไปเป็นตัวอย่างในการเรียนการสอนทางชีววิทยา
ใช้ทำถ่านที่มีคุณภาพดี นอกจากนี้ยังนิยมนำมาทำถ่านอัดในบั้งไฟ
ต้นแจงในประวัติศาสตร์
“สุดท้ายเมื่อสมเด็จฯท่านทรงเห็นว่า พม่าอ่อนแอลงมาก ท่านก็ทรงบัญชาการให้ยิงปืนใหญ่ โดยท่านคิดค้นให้นำไม้ชนิดหนึ่ง เรียกว่า “ต้นแจง” มาตัดเป็นท่อนซุงปลายแหลม พันผ้าชุบน้ำมันแล้วจุดไฟ ยัดใส่กระบอกปืนใหญ่ยิงไปยังค่ายของพม่า ทำให้เกิดเปลวไฟโหมกระหน่ำ พม่าล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ค่ายพม่าแตกทลาย และสุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้แก่ความกล้าหาญและชาญฉลาด ของเหล่าวีรชนไทยแห่งสมรภูมิทุ่งลาดหญ้า”
เราชอบอ่านประวัติของต้นแจงจังเราว่ามันคลาสสิคดีเค้าเล่าว่า
ต้นแจง หรือเรียก ต้นแกง เป็นต้นไม้ที่คนภาคกลางไม่ค่อยคุ้นหูนัก แต่สำหรับลูกอีสานบ้านเฮา ดินแดนแหล่งอารยธรรมโบราณรู้จักและคุ้นเคยต้นไม้นี้ดี เรียกกันว่า ต้นแก้ง และยังได้นำชื่อต้นไม้ไปใช้ในการตั้งชื่อบ้าน ตำบล หรืออำเภอ ซึ่งพบเห็นได้เกือบทุกจังหวัดในภาคอีสาน เช่น บ้านแก้ง ตำบลเหล่าหมี จังหวัดมุกดาหาร บ้านแก้งใหญ่ อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ตำบลแก้ง อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานีหรือ อำเภอแก้งค้อ จังหวัดชัยภูมิเป็นต้น
ชื่อเหล่านี้ใช้เป็นหลักฐานได้ดีอย่างหนึ่งว่า ต้นแก้งเติบโตและมีการกระจายอยู่ทั่วไปในภาคอีสาน ต้นแจง แกงหรือแก้ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Maerua siamensis (Kurz) Pax. ถ้าดูตามชื่อมีคำว่า “ สยาม ” อยู่ด้วย หมายถึงว่า ต้นแจงนี้เป็นไม้ในสกุลที่มีเพียงชนิดเดียวในประเทศไทย ลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่สูงไม่เกิน 10 เมตร มีใบประกอบแบบ 3 ใบย่อย เรียงตัวแบบแผ่ๆ หรือแบๆ ออกมา ลักษณะคล้ายตีนนก ใบค่อนข้างแข็ง
ต้นแจงนี้ยังทำหน้าที่สมกับชื่อ คือเป็นต้นไม้ที่อธิบายแจกแจงอายุไขของต้นไม้ได้อย่างดี เพราะถ้าตัดขวางลำต้นจะเห็นลักษณะของวงปีชัดเจน จึงนิยมนำไปเป็นตัวอย่างในการเรียนการสอนทางชีววิทยา
อันที่จริงต้นแจงไม่ได้ขึ้นเฉพาะถิ่นอีสาน เราสามารถพบเห็นต้นแจงขึ้นและกระจายพันธุ์ในหลายที่ แต่ขอบอกว่าต้นไม้นี้มีเฉพาะในภูมิภาคอินโดจีน ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยด้วย จึงสามารถพบได้ในทุกภาค แต่ในภาคใต้พบเฉพาะทางตอนบนเท่านั้น ต้นแจงขึ้นได้ในป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง หรือตามป่าโปร่ง ที่โล่ง ชอบขึ้นตามเขาหินปูน ระดับความสูงไม่เกิน 400 เมตร แต่จากการสำรวจของมหาวิทยาลัยมหาสารคามพบว่า ไม้ชนิดนี้มีจำนวนเหลือน้อยมาก ยังพอพบเห็นได้ตามป่าดอนปู่ตา หรือบริเวณโบราณสถานที่ไม่ค่อยมีคนรบกวน
ในอดีตคนอีสานมีการใช้ประโยชน์จากต้นแจงมากมาย แต่เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไป ทำให้การใช้ประโยชน์จากต้นแจงลดลง เป็นผลให้จำนวนต้นแจงลดลงด้วย เนื่องจากคนในปัจจุบันไม่รู้จักและไม่เห็นคุณค่าจึงตัดฟันเป็นว่าเล่น ไม้จากต้นแจงสามารถใช้ทำถ่านที่มีคุณภาพดี นอกจากนี้ยังนิยมนำมาทำถ่านอัดในบั้งไฟ ยอดอ่อนของต้นแจงสามารถนำมาดองรับประทานเป็นผัก เชื่อว่ากินแล้วทำให้ตาสว่างแจ้งจางปาง ซึ่งอาจเป็นที่มาของชื่อต้นไม้ชนิดนี้ เนื่องจากมีคนอีสานอยู่ 2 กลุ่มที่มักออกเสียง “ จ ” และ “ ก ” สลับกัน ไม้ชนิดนี้จึงมีชื่อว่า แก้งหรือแจ้ง นั่นเอง
แม้แต่กลุ่มเล่นกาฝากไม้มงคล ล้วนต่างเสาะหากาฝากไม้แจงที่ถือว่าแพงที่สุด หายากที่สุด เป็นที่ต้องการมากที่สุดอีกด้วย แก้ไขข้อมูลเมื่อ 03 May 20 05:20