ค้นหาสินค้า

ชาใบรางแดงสมุนไพรลดความดัน

ร้าน วรากรสมุนไพร
ชื่อสินค้า:

ชาใบรางแดงสมุนไพรลดความดัน

รหัส:
242186
ราคา:
100.00 บาท
ติดต่อ:
คุณปุณณภา งานสำเร็จ
ที่อยู่ร้าน:
อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 13 ปี 6 เดือน
ไอดีไลน์:
โทรศัพท์:
ปุ่มติดต่อ:
คำเตือน: โปรดตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการทุจริต การขอชำระเงินปลายทางเมื่อรับสินค้าถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี
รายละเอียด
ขายชาใบรางแดง เกรดเอสมุนไพรลดความดัน เป็นใบรางแดงคัดพิเศษสดใหม่ ตากแดดเดียวคงความเขียวสดและกลิ่นของชาสมุนไพรที่ครบถ้วน รสชาติกลมกล่อม ชงดื่มง่าย สรรพคุณมากมาย
ลดความดันโลหิต
ลดไขมัน
ขับปัสสาวะ
แก้ปวดเมื่อยตึงเส้นเอ็น
ขายชาใบรางแดง เกรดเอสมุนไพรลดความดัน
ช่องทางการติดต่อร้านวรากรสมุนไพรทางไลน์สะดวกที่สุดค่ะ
ไอดีไลน์ herbsddd
QR code https://line.me/ti/p/T-oZ81KZrM
โทร 0629246459,0616498997
ต้องการมาดูสินค้าโทรนัดหมายล่วงหน้านะคะ
ขายชาใบรางแดง เกรดเอสมุนไพรลดความดัน
เครือเขาแกบ…พญาดาบหัก
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ventilago denticulate Willd.
ชื่อวงศ์ RHAMNACEAE
ชื่ออื่นๆ รางแดง(กลาง) เถาวัลย์เหล็ก(สระบุรี) ซอแพะแหล่โม(กะเหรี่ยง) เห่าดำ ก้องแกบ ฮ่องหนัง(เลย) ปอกแกลบ(บุรีรัมย์) กะเลียงแดง(ชลบุรี) ทรงแดง(ใต้) โกร่งเคอ
ลักษณะทั่วไป ไม้เถากึ่งไม้พุ่ม ลำต้นเมื่อยังอ่อนรูปทรงกระบอก เมื่อแก่จะแตกเป็นสีแดง ใบออกเดี่ยวเรียงตัวแบบสลับตรงกันข้าม ดอกออกเป็นช่อจากง่ามใบใกล้ยอด สีเขียวอมขาว ผลรูปร่างกลมปลายแผ่เป็นครีบคล้ายปีก แข็งภายในมีเมล็ด ๑-๒ เมล็ด
การขยายพันธุ์ ใช้เมล็ด กิ่งชำ กิ่งตอน
เครือเขาแกบ ยากำลังแต่ครั้ง…ก่อนหนองแส
เครือเขาแกลบเป็นสมุนไพรที่ใครเห็นเถาของเขาครั้งเดียวก็จำได้ เนื่องจากเถาจะแตกระแหงเป็นร่องสีแดง ก่อเกิดเป็นลวดลายสวยงาม ด้วยความที่เถามีความเหนียว แข็งแรงและสีสันที่ร้อนแรง ทำให้ดูทรงพลังยิ่งนัก ซึ่งทำให้เครือเขาแกบมีชื่ออื่นๆ อีก เช่น รางแดง เถาวัลย์เหล็ก เป็นต้น เครือเขาแกบเป็นสมุนไพรไม้ป่าตัวแรกๆ ที่จำได้ตั้งแต่เริ่มเดินป่ากับหมอยาเมื่อเกือบสามสิบปีก่อน เพราะเป็นตัวที่พ่อหมอทุกคนใช้ในสรรพคุณเดียวกัน เป็นสมุนไพรที่หมอยาทุกภาคทั้งภาคกลาง อีสาน เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ต่างก็รู้จักสรรพคุณของรางแดงว่า เป็นยาสมุนไพรในทางบำรุงเอ็น แก้กษัย บำรุงกำลังทั้งสิ้น
ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือ หมอยาในตระกูลไต ทั้งไทยใหญ่ ไทยน้อย ลาว ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกประเทศไทย ต่างเรียกชื่อสมุนไพรชนิดนี้ในชื่อเดียวกันคือ เครือเขาแกบ หรือ ก้องแกบ จึงเป็นไปได้ว่า คนในตระกูลไตใช้เครือเขาแกบเป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่เริ่มต้นเผ่าพันธุ์ ก่อนที่จะอพยพแยกย้ายกระจายกันไปหลายที่ ทั้งเข้าไปในแคว้นอัสสัม หรือไทยน้อยอย่างเราที่ลงใต้มาอยู่ที่สุวรรณภูมิ
ส่วนที่มาของชื่อเครือเขาแกบนี้ พ่อประเดิม ส่างเสน หมอยาไทยใหญ่ ตำบลแม่นาวาง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ บอกกับเราว่าใบของมันเวลาเอามาผิงไฟมีกลิ่นคล้ายแกลบข้าว
ยาบำรุงกำลัง แก้กษัย ไตพิการ ของคนภาคกลาง
เครือเขาแกบเป็นสมุนไพรที่ ตาส่วน สีมะพริก และ พ่อเม่าหรือพ่อบุญมี ได้ฤกษ์ นำมาใช้ต้มกินแก้ปวดเมื่อย แก้เอ็นทั้งต้มกินเดี่ยวๆ หรือต้มรวมกับสมุนไพรบำรุงกำลังอื่นๆ เช่น เถาวัลย์เปรียง ทั้งสองท่านเล่าว่า ปู่ย่าตายายก็ต้มกินกันมาอย่างนี้ ผู้ชายจะนิยมกินเครือเขาแกบมากกว่าผู้หญิง เพราะทำงานหนัก และเป็นงานที่ใช้แรงงาน ต้องการสมุนไพรมาช่วยบำรุงกำลัง แก้กษัย แก้ปวดเมื่อย บำรุงไต ซึ่งความเชื่อของหมอยาพื้นบ้านสำหรับผู้ชายแล้วความแข็งแรงจะอยู่ที่ไต รางแดงจึงเป็นสมุนไพรที่ใช้แก้กษัยไตพิการตัวหนึ่ง
ลุงเฉลา คมคาย หมอยาพื้นบ้านแห่งบ้านดงกระทงยาม อำเภอศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีนบุรี ผู้ยังใช้ชีวิตเกี่ยวพันกับการใช้สมุนไพรพื้นบ้านอยู่ เป็นผู้หนึ่งที่ยืนยันว่า เครือเขาแกบนั้นกินกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ลุงเหลาเรียกเครือเขาแกบว่า รางแดง โดยนิยมใช้ส่วนรากของต้นรางแดง เนื่องจากเชื่อว่าเป็นส่วนที่มีสรรพคุณดีที่สุด โดยเฉพาะส่วนปลายของราก ซึ่งเมื่อขุดขึ้นมาจะพบรากเป็นสีดำ รากที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑.๕-๒ เซนติเมตร จะใช้ยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ต่อเหล้า ๑ ขวด แต่ถ้ารากมีขนาดใหญ่มาก จะใช้โดยลดความยาวลงมา
ลุงเหลาบอกว่า ประโยชน์ของยาดองตำรับนี้คือ ใช้รับประทานแก้ปวดหลังปวดเอว บำรุงร่างกาย ถ้าหารากไม่ได้ จะใช้เถาแทนก็ได้ แต่สรรพคุณจะไม่ดีเท่าราก รางแดงสามารถดองรวมกับสมุนไพรบำรุงกำลังอื่น ๆ ได้ ลุงเหลานิยมดองรากรางแดงรวมกับรากคัดเค้า ในสัดส่วน ๑ : ๑ หากเพิ่มรากคัดเค้าก็ต้องลดปริมาณรางแดงลง หรือเพิ่มปริมาณเหล้าให้มากขึ้น
ลุงเหลามีวิธีการขุดรากรางแดงมาใช้อย่างยั่งยืน โดยขุดจากโคนออกไปหาปลายราก ยิ่งใกล้ส่วนปลายยิ่งมีฤทธิ์แรง เมื่อจะตัดรากจะไม่ตัดติดลำต้น แต่จะตัดให้ห่างออกมาประมาณ ๓๐ เซนติเมตร เพื่อป้องกันต้นตาย
นอกจากนี้ ใบก็สามารถนำมาใช้เป็นชาชงแก้ปวดหลังปวดเอวได้เช่นกัน โดยนำใบเพสลาดมาตากให้แห้ง นำมาชงน้ำร้อนรับประทานครั้งละ ๔-๕ ใบ
โกร่งเคอ ขอบคุณเจดีย์ ของคนปกาเกอะญอ
หมอโจป่อง หมอยากะเหรี่ยงฤๅษีที่หมู่บ้านทิบาเก ในเขตป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันออก เป็นผู้หนึ่งที่ยืนยันความยิ่งใหญ่ของเครือเขาแกบ หมอโจป่องเรียกเครือเขาแกบว่า โกร่งเคอ ถ้าจะแปลความหมายให้เป็นภาษาไทย โกร่ง หมายถึง เจดีย์ ส่วน เคอ หมายถึง ขอบคุณ เครือเขาแกบจึงมีความหมายว่า ขอบคุณเจดีย์ ดังนั้นชื่อของเครือเขาแกบเป็นชื่อที่มีความหมายมาก เพราะการทำบุญ(ไหว้เจดีย์)ของคนปกาเกอะญอถือว่าเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง เมื่อนำมาใช้เรียกชื่อสมุนไพรย่อมแสดงว่าสมุนไพรชนิดนั้นมีความสำคัญต่อคนปกาเกอะญอมาก ซึ่งหมอโจป่องแนะนำให้ใช้ใบของเครือเขาแกบปิ้งไฟแล้วชงน้ำกิน เพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ
หมอยาปกาเกอะญออีกท่านหนึ่งที่ยืนยันสรรพคุณของเครือเขาแกบคือ ป้าชีรา กติกาพืชทรัพย์ แห่งสถานีอนามัยห้วยน้ำขาว อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ในครั้งแรกที่พบกัน ป้าชีราไม่ยอมบอกตำรับที่เกี่ยวกับเครือเขาแกบเลย เพราะท่านถือว่าตำรับนี้เป็นตำรับสูงสุดของท่านที่จะไม่ยอมบอกใครง่ายๆ เมื่อสนิทสนมคุ้นเคยกันดีแล้ว ท่านจึงพาไปดูสมุนไพรตัวสำคัญซึ่งก็คือเครือเขาแกบนั่นเอง โดยท่านใช้เถาต้มกินแก้ปวดเมื่อย บำรุงกำลัง
ยาอายุวัฒนะของพระกรรมฐานและคนอีสานทั่วไป
พ่อหมอสุนทร พรมมหาราช หมอยาของอำเภอภูหอ จังหวัดเลย เล่าให้ฟังว่า จากการที่ท่านมีโอกาสได้พบพระเกจิอาจารย์ในยุคหลวงปู่มั่น ตำรับยาที่ท่านฉันเป็นยาอายุวัฒนะอยู่เสมอคือ เครือเขาแกบดองน้ำผึ้ง โดยจะนำเครือเขาแกบมาตัดเป็นท่อน แล้วผ่าใส่ขวดโหลหมักกับน้ำผึ้ง นอกจากนี้ ยาบำรุงในตำรับหลวงปู่มั่นยังมีอีก เช่น รากตำยาน เครือเขาแกบ รากพังคี เนื้อไม้หรือรากกะเพราต้น ใบมะเม่า ใบส่องฟ้า ต้มกินเป็นยาอายุวัฒนะ
ส่วนของคนอีสานจะใช้เครือเขาแกบเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเอ็น โดยเรียกเครือเขาแกบว่า ยาพญาดาบหัก คือกินแล้วจะเเข็งแรงมากสามารถต่อสู้ศัตรูจนกระทั่งดาบหัก วิธีการใช้เครือเขาแกบของหมอยาอีสานมีทั้งใช้เถาต้มกิน หรือใบชงชา อาจจะใช้ตัวเดียวต้มเดี่ยวๆ หรือต้มรวมกับสมุนไพรตัวอื่นๆ เพื่อบำรุงกำลัง แก้เส้น แก้เอ็น เจ็บหลังเจ็บเอว เจ็บแข้ง เจ็บขา แต่ที่นิยมกันมากที่สุดคือ การดองเหล้า ยาดองรากเครือเขาแกบหรือรางแดงนี้จะได้น้ำสีแดงดุจเดียวกับสีของเถานั่นเอง
ยาป้องกันโรคภัยไข้เจ็บของคนไทยใหญ่
สำหรับหมอยาไทยใหญ่ มีการใช้เครือเขาแกบเป็นยาในลักษณะเดียวกับหมอยาในที่อื่นๆ โดยใช้ใบปิ้งไฟชงน้ำร้อนกินแทนน้ำชา เพื่อรักษาอาการปวดเมื่อย เจ็บหลังเจ็บเอว แก้อ่อนเพลีย และยังใช้เป็นยาล้างไตโดยใช้ใบชงใส่น้ำร้อน หรือเอารากหรือเถามาหั่นตากแห้งต้มกินก็ได้ นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าการกินเครือเขาแกบเป็นประจำจะบำรุงร่างกาย บำรุงเลือด ทำให้เจริญอาหาร
เครือเขาแกบกับการรักษาโรคสมัยใหม่
ข้อมูลการศึกษาวิจัยของเครือเขาแกบมีน้อยมากทั้งในไทยและในต่างประเทศ ที่น่าสนใจคือ ประมาณ พ.ศ.๒๕๔๘ มีรายงานการศึกษาวิจัยการทดสอบฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ phosphodiesterase โดยคัดเลือกสมุนไพรไทยที่หมอยาพื้นบ้านใช้เป็นยาบำรุงกำหนัดและยาบำรุงสมอง ๑๙ ชนิด พบว่ามีสมุนไพรที่มีฤทธิ์ดังกล่าวอยู่ ๗ ชนิด หนึ่งในนั้นก็คือ เครือเขาแกบ
เครือเขาแกบเป็นสมุนไพรที่ตกทอดมาจากต้นตระกูลชนชาติไทย ซึ่งปู่ย่าตายายได้ใช้อย่างยั่งยืนและสืบทอดกันมาไม่ขาดสาย เหลือแต่เพียงว่าคนรุ่นเราจะฟื้นฟูและส่งต่อให้ลูกหลานไทยต่อไปได้หรือไม่
น่ารู้
• เอนไซม์ phosphodiesterase เป็นเอนไซม์ จะทำหน้าที่ย่อยสลาย cyclic CMP และ cyclic GMP ซึ่งสารทั้งสองตัวนี้ควบคุมกลไกการทำงานในระดับเซล โดยเกี่ยวข้องกับระบบของร่างกายหลายระบบ เช่น การหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ การคลายตัวของกล้ามเนื้อเรียบ การแข็งตัวของอวัยวะเพศ ระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ปัจจุบันมีความพยายามในการพัฒนายาใหม่โดยมุ่งหาสารที่จะไปยับยั้งเอ็นไซม์ตัวนี้ เช่น ไวอากร้า ยารักษาอาการนกเขาไม่ขัน กลไกของยาดังกล่าว คือการยับยั้งเอ็นไซม์ phosphodiesterase type5 ซึ่งทำหน้าที่ย่อยสลาย cyclic GMP มีผลให้สารนี้คั่งและขยายเส้นเลือด ซึ่งเอนไซม์ชนิดนี้มีมากที่บริเวณอวัยวะเพศชาย เป็นผลทำให้หลอดเลือดขยายได้ดีขึ้น
ตัวอย่างตำรับยา
ตำรับยาแก้ปวดเมื่อย
เครือเขาแกบ ประมาณ ๑ ขีด ยาหัว ๑ ขีด อ้อยดำ ๑ ขีด ใส่น้ำพอท่วมยา ต้มจนเดือดประมาณ ๑๕ นาที ต้มกินครั้งละ ๑ แก้ววันละ ๓ เวลา
ตำรับยาดองอายุวัฒนะ
เครือเขาแกบ ๑ ขีด เหล้าประมาณ ๒๐๐ มิลลิลิตร น้ำผึ้ง ๒๐๐ มิลลิลิตร ดองไว้ ๑๕ วัน กินครั้งละ ๓๐ มิลลิลิตร วันละ ๒ ครั้ง เช้า-เย็น
[ ๑ มิลลิลิตร = ๑ ซีซี]
ที่มา http://www.rakkhaoyai.com/jungle-path/2543
ขายชาใบรางแดง เกรดเอสมุนไพรลดความดัน แก้ไขข้อมูลเมื่อ 13 Jul 20 05:27