ค้นหาสินค้า

กระดุมทอง

ขายต้นกระดุมทอง ดอกกระดุมทองราคาถูก การปลูก วิธีดูแล และการขยายพันธุ์กระดุมทอง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อสามัญ ลักษณะและสรรพคุณ

ผู้ให้การสนันสนุน

กระดุมทอง

ต้นกระดุมทอง

กระดุมทอง
กระดุมทอง บ้านฉาง ระยอง

ราคา 1.00 บาท /ต้น

ต้นกระดุมทอง สวนป้าแตงคลอง 15
ต้นกระดุมทอง สวนป้าแตงคลอง 15 นครนายก

ราคา 20.00 บาท /ต้น

ต้นกระดุมทอง
ต้นกระดุมทอง องครักษ์ นครนายก

ราคา 1.00 บาท /ถุง

ต้นกระดุมทอง
ต้นกระดุมทอง องครักษ์ นครนายก

ราคา 2.00 บาท /ต้น

ต้นกระดุมทอง
ต้นกระดุมทอง ตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร

ราคา 15.00 บาท

หญ้ากระดุมทอง50บาท(บริการส่งทางไปรษณีย์)
หญ้ากระดุมทอง50บาท(บริการส่งทางไปรษณีย์) เมืองปราจีนบุรี ปราจีนบุรี

ราคา 50.00 บาท /ต้น

กระดุมทอง
กระดุมทอง องครักษ์ นครนายก

กิ่งปักชพกระดุมทองเลื้อย
กิ่งปักชพกระดุมทองเลื้อย เมืองระยอง ระยอง

ราคา 1.00 บาท /กิ่งชำ

กระดุมทอง
กระดุมทอง องครักษ์ นครนายก

กระดุมทอง
กระดุมทอง เวียงชัย เชียงราย

ราคา 19.00 บาท /ถุงดำ

กระดุมทองเลื้อย
กระดุมทองเลื้อย ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

ราคา 1.00 บาท /ต้น

กระดุมทองมีทั้งถุง2นิ้วและถุง4นิ้ว
กระดุมทองมีทั้งถุง2นิ้วและถุง4นิ้ว องครักษ์ นครนายก

ราคา 2.00 บาท /เป็นถุงค่ะ

กระดุมทอง
กระดุมทอง โพธิ์ชัย ร้อยเอ็ด

ราคา 30.00 บาท /ถุง

กระดุมทอง
กระดุมทอง องครักษ์ นครนายก

ราคา 1.20 บาท

กระดุมทอง
กระดุมทอง ปทุมธานี

ราคา 20.00 บาท /ต้น

 กระดุมทอง
กระดุมทอง นครนายก

ราคา 20.00 บาท /ต้น

จังหวัดที่ขายต้นกระดุมทอง

กรุงเทพมหานคร (3 ร้าน)

เชียงราย (1 ร้าน)

นครนายก (8 ร้าน)

ปทุมธานี (1 ร้าน)

ปราจีนบุรี (1 ร้าน)

ร้อยเอ็ด (1 ร้าน)

ระยอง (1 ร้าน)

ดูสินค้าหมวด ต้นกระดุมทอง ทั้งหมดในเว็บ

เมล็ดพันธุ์กระดุมทอง

กระดุมทอง
กระดุมทอง บ้านฉาง ระยอง

ราคา 1.00 บาท /ต้น

เมล็ดหญ้ากระดุมทอง(บริการส่งทางไปรษณีย์
เมล็ดหญ้ากระดุมทอง(บริการส่งทางไปรษณีย์ เมืองปราจีนบุรี ปราจีนบุรี

ราคา 100.00 บาท /แพค

กระดุมทอง
กระดุมทอง เมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่

ราคา 35.00 บาท

เมล็ดดอกกระดุมทอง ทรงพุ่ม
เมล็ดดอกกระดุมทอง ทรงพุ่ม ละงู สตูล

ราคา 30.00 บาท

จังหวัดที่ขายเมล็ดพันธุ์กระดุมทอง

เชียงใหม่ (1 ร้าน)

ปราจีนบุรี (1 ร้าน)

สตูล (1 ร้าน)

ดูสินค้าหมวด เมล็ดพันธุ์กระดุมทอง ทั้งหมดในเว็บ

ต้นกล้ากระดุมทอง

กระดุมทอง
กระดุมทอง บ้านฉาง ระยอง

ราคา 1.00 บาท /ต้น

กระดุมทอง
กระดุมทอง องครักษ์ นครนายก

ราคา 4.00 บาท /ต้น

กะดุมทอง
กะดุมทอง ปทุมธานี

ราคา 10.00 บาท /ถุง

กระดุมทอง
กระดุมทอง องครักษ์ นครนายก

ต้นกระดุมทอง
ต้นกระดุมทอง เมืองนครนายก นครนายก

กระดุมทองเลื้อย
กระดุมทองเลื้อย ดอยสะเก็ด เชียงใหม่

ราคา 1.00 บาท

กระดุมทอง
กระดุมทอง องครักษ์ นครนายก

ราคา 2.00 บาท

กระดุมทอง
กระดุมทอง ถลาง ภูเก็ต

กระดุมทองเลื้อยด่าง
กระดุมทองเลื้อยด่าง สันป่าตอง เชียงใหม่

ราคา 50.00 บาท /ต้น

กระดุมทอง
กระดุมทอง องครักษ์ นครนายก

กระดุมทอง
กระดุมทอง ถลาง ภูเก็ต

ต้นกระดุมทอง
ต้นกระดุมทอง เมืองสุราษฎร์ธานี สุราษฎร์ธานี

ราคา 35.00 บาท

กระดุมทอง
กระดุมทอง พุนพิน สุราษฎร์ธานี

กระดุมทอง
กระดุมทอง มีนบุรี กรุงเทพมหานคร

ราคา 30.00 บาท

จังหวัดที่ขายต้นกล้ากระดุมทอง

กรุงเทพมหานคร (1 ร้าน)

เชียงใหม่ (2 ร้าน)

นครนายก (5 ร้าน)

ปทุมธานี (1 ร้าน)

ภูเก็ต (2 ร้าน)

มหาสารคาม (1 ร้าน)

ระยอง (1 ร้าน)

สุราษฎร์ธานี (2 ร้าน)

ดูสินค้าหมวด ต้นกล้ากระดุมทอง ทั้งหมดในเว็บ

ข้อดี-ข้อเสียของต้นกระดุมทองเลื้อย

กระดุมทอง

ข้อดีของต้นกระดุมทองเลื้อย

- ต้นกระดุมทองเลื้อยจะเลื้อยไปตามดิน ออกรากตามข้อ แล้วแตกยอดใหม่สานเป็นตาข่ายคลุมดิน ทำให้วัชพืชที่มีอยู่เดิมถูกเลื้อยทับ แย่งพื้นที่จนตายไปเอง ส่วนเมล็ดวัชพืชก็งอกขึ้นมาไม่ได้

- ช่วยรักษาหน้าดิน และสงวนความชื้นในดิน

- ช่วยให้ไส้เดือนและจุลินทรีย์เจริญได้ดี

- ปลูกบนพื้นที่ลาดชันก็ป้องกันน้ำฝนชะล้างหน้าดิน

- ไม่ต้องดูแลมาก

- มีดอกเยอะ ออกดอกทั้งปี

ข้อเสียของต้นกระดุมทองเลื้อย

- ไม่เหมาะกับการเดินเหยียบ เนื่องจากมีความสูงมากกว่าต้นหญ้า ควรปลูกเป็นไม้ข้างทาง

- ไม่ควรปลูกในที่ร่ม เพราะจะทำให้ต้นสูงรก เป็นที่อยู่ของสัตว์มีพิษได้

- มีการเจริญเติบโตเร็วและอาจจะไปกินพื้นที่ของสวนบริเวณอื่นๆ


วิธีปลูกต้นกระดุมทองเลื้อยโดยการปักชำ

- ใช้กิ่งกระดุมทองยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร ปักเสียบบริเวณที่ต้องการปลูก (เป็นที่ที่แดดส่องถึงหรือกลางแดด) ไม่ควรปลูกในที่ร่มเพราะจะทำให้ต้นสูงรก

- รดน้ำวันละครั้ง เพียงไม่กี่วันรากก็จะงอกและเติบโตเป็นต้นใหม่

- ในระยะแรกต้องคอยกำจัดวัชพืชบ้าง แต่หากต้นปลูกติดแล้ว กระดุมทองเลื้อยก็สามารถเติบโตแข่งกับวัชพืชชนิดอื่นๆได้ดี

- ตัดแต่งต้นปีละ 2-3 ครั้ง

กระดุมทองเลื้อย
กระดุมทองเลื้อย

ลักษณะพฤกษศาสตร์ของต้นกระดุมทองเลื้อย

ชื่อวิทยาศาสตร์ของต้นกระดุมทองเลื้อย : Wedelia trilobata (L.) Hitch.

ชื่อภาษาอังกฤษของต้นกระดุมทองเลื้อย : Climbing Wedelia, Singapore Dailsy

ชื่ออื่นๆ ของต้นกระดุมทองเลื้อย : เบญจมาศเครือ

ลักษณะลำต้นของต้นกระดุมทองเลื้อย : เป็นไม้ล้มลุก ลำต้นแตกแขนงทอดราบไปตามพื้นดิน ปลายกิ่งชูตั้งขึ้น ลำต้นสีน้ำตาล รากแตกตามข้อ ทุกส่วน มีขนสากปกคลุม

ลักษณะใบของต้นกระดุมทองเลื้อย : เป็นใบเดี่ยว รูปรี ปลายแหลม โคนสอบ ขอบจักฟันเลื่อย ก้านใบสั้น ใบมีสีเขียวสด ใบแก่มีสีเขียวเข้ม เป็นมัน มีขนหยาบปกคลุม

ลักษณะดอกของต้นกระดุมทองเลื้อย : ดอกออกเป็นช่อกระจุกที่ปลายยอด โคนช่อมีใบประดับ ดอกสีเหลือง ออกดอกตลอดปี

กระดุมทองเลื้อย
กระดุมทองเลื้อย

การขยายพันธุ์ของต้นกระดุมทองเลื้อย

การขยายพันธุ์ : ปักชำกิ่ง

การดูแลต้นกระดุมทองเลื้อย

การดูแล : ปลูกได้ในดินร่วน ต้องการน้ำปานกลาง ชอบแดดเต็มวัน ทนแล้ง

ข้อเสียของต้นกระดุมทองเลื้อย

มีแมลงศัตรูพืชคือเพลี้ยแป้ง

สรรพคุณทางสมุนไพรของต้นกระดุมทองเลื้อย

  1. ลำต้น และใบ ป้องกันตับจากสารพิษ และใช้เป็นยาพอกแผล แก้ฟกช้ำ
  2. ดอก ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันสายตาเสื่อม ลดอาการภูมิแพ้ บำรุงผิวพรรณ ป้องกันโรคมะเร็ง ป้องกันโรคเบาหวาน ลดไขมันในเส้นเลือด ป้อกงันโรคหัวใจ และหลอดเลือดตีบตัน

ประโยชน์ของต้นกระดุมทองเลื้อย

กลีบดอก บดเป็นผงใช้สำหรับเป็นสีผสมอาหารหรือสีย้อมผ้า น้ำมันจากเมล็ดกระดุมทองเลื้อย ใช้เป็นส่วนผสมกับเครื่องสำอาง และใช้สำหรับปรุงประกอบอาหาร นิยมปลูกเป็นไม้คลุมดินรักษาหน้าดิน ปลูกคลุมดินที่ลาดเอียงหรือริมสระน้ำธรรมชาติเพื่อป้องกันการพังทลายของดิน ปลูกบริเวณแทนหญ้าในสนาม ควรตัดแต่งสม่ำเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นที่อยู่ของสัตว์มีพิษ


ลักษณะพฤกษศาสตร์ของกระดุมทองต้น

ชื่อวิทยาศาสตร์ของกระดุมทองต้น : Melampodium divaricatum (Rich. ex Pers.) DC.

ชื่อภาษาอังกฤษของกระดุมทองต้น : Little Yellow Star

ลักษณะลำต้นของกระดุมทองต้น : ลำต้นตั้ง มีขน

ลักษณะใบของกระดุมทองต้น : เป็นใบเดี่ยว รูปรีกว้างหรือรูปไข่ ปลายแหลม โคนสอบ ขอบเรียบหรือหยักซี่ฟัน ก้านใบสั้นมีขน ผิวใบมีขนสากมือ

ลํกษณะดอกของกระดุมทองต้น : เป็นดอกเดี่ยวออกตามง่ามใบใกล้ยอด ดอกสีเหลือง ดอกดอก ออกดอกตลอดปี

ลักษณะผลของกระดุมทองต้น : สามเหลี่ยม ยอดแบน

ลักษณะเมล็ดของกระดุมทองต้น : เล็ก สีดำเป็นมัน และบริเวณด้านข้างเป็นเหลี่ยมจะมีรอยย่นพับกันไปมาเล็กน้อย เมล็ดขนาดเล็กมาก

กระดุมทองต้น
กระดุมทองต้น

การขยายพันธุ์ของกระดุมทองต้น

โดยการเพาะเมล็ด

การดูแลกระดุมทองต้น

ปลูกได้ในดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี ต้องการน้ำปานกลาง ชอบแดดรำไรถึงแดดจัด

สรรพคุณทางสมุนไพรของกระดุมทองต้น

ช่วยรักษาโรคเบาหวาน โรค หัวใจและความดัน

ความเชื่อของกระดุมทองต้น

กระดุมทองต้นเป็นไม้มงคล หากปลูกไว้ในบริเวณบ้าน จะทำให้มีความรักมั่นคง ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใด ๆ ที่เข้ามา

ประโยชน์ของกระดุมทองต้น

นิยมปลูกเป็นไม้ดอกกระถาง ไม้ประดับแปลง


ลักษณะพฤกษศาสตร์ของกระดุมทองต้น (3482)

ชื่อวิทยาศาสตร์:  Melampodium divaricatum (Pers.) DC.
ชื่อวงศ์:  Compositae
ชื่อสามัญ:  Little yellow star
ชื่อพื้นเมือง:  พิกุลทอง
ลักษณะทั่วไป:
        ต้น  ไม้พุ่มขนาดเล็ก  ลำต้นตั้ง สูง 30-50 ซม. มีอายุสั้นประมาณสองปี ตามลำต้นมีขนสากมือ
        ใบ  ใบเดี่ยว   เรียงตรงข้าม ใบรูปรีกว้างหรือรูปไข่ กว้าง 1-5 เซนติเมตร  ยาว 3-10 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ  ขอบเรียบหรือหยักซี่ฟัน  แผ่นใบมีขนสากทั้งสองด้าน  ก้านใบสั้นมีครีบ มีขนตามก้านใบ
        ดอก  มีกลิ่นเหม็น ออกดอกเดี่ยวหรือออกเป็นคู่ตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง  โคนช่อดอกมีใบประดับรูปรีเรียงซ้อนกัน 2 ชั้น ชั้นนอก 3-5 ใบโคนเชื่อมติดกัน ชั้นในหุ้มผลไว้ ขอบใบประดับมีขนเรียงกันถี่ กลีบดอกรูปรี ดอกบานเต็มที่กว้าง 2-3 เซนติเมตร ดอกวงนอกเป็นดอกเพศเมีย มี 8-12 ดอก กลีบดอกสีเหลือง รูปรี ดอกวงในลักษณะเหมือนดอกเพศเมียแต่รังไข่ไม่สมบูรณ์ ดอกเพศผู้ขนาดเล็กมากและเป็นหมัน อยู่กลางกระจุกดอก
        ฝัก/ผล  ผลแห้งแตก รูปสามเหลี่ยมยอดแบน
        เมล็ด  เล็ก สีดำเป็นมัน
ฤดูกาลออกดอก:  ตลอดปี
ส่วนที่มีกลิ่นหอม:  ดอกมีกลิ่นเหม็น
การใช้ประโยชน์:  ปลูกลงกระถาง หรือปลูกลงแปลงประดับสวน



ลักษณะพฤกษศาสตร์ของกระดุมทองเลื้อย (3516)

ชื่อวิทยาศาสตร์:  Wedelia trilobata (L.) Hitchc.
ชื่อวงศ์:  Compositae
ชื่อสามัญ:  Climbing wedelia, Creeping daisy, Singapore daisy
ชื่อพื้นเมือง:  เบญจมาศเครือ
ลักษณะทั่วไป:
    ต้น  ไม้คลุมดิน  สูง 30-50 เซนติเมตร ลำต้นแตกแขนงทอดเลื้อยไปตามผิวดิน   ปลายกิ่งมักชูตั้งขึ้น ลำต้นสีน้ำตาลแดงเรื่อ มีขนประปราย รากแตกตามช้อ
    ใบ  ใบเดี่ยว  เรียงตรงข้าม  ใบรูปรีกว้างหรือรูปไข่   กว้าง 2- 5 เซนติเมตร  ยาว 5.5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบจักเล็กน้อย มีจักเป็นรูปสามเหลี่ยมกลางแผ่นใบทั้ง 2 ข้าง ก้านใบสั้นมาก
    ดอก  สีเหลือง ออกเป็นดอกเดี่ยวตามซอกใบที่ปลายกิ่ง มีใบประดับรูปรีเรียงซ้อนกัน 2 ชั้น ชั้นละ4-5 ใบ ที่ขอบใบประดับมีขน ดอกวงนอกเป็นดอกเพศเมียมี 8-10 ดอก โคนกลีบดอกวงนอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น   ปลายกลีบแยกเป็น 3 แฉก   ดอกวงในเป็นดอกสมบูรณ์เพศมีขนาดเล็กกว่าและจำนวนมากกว่า  โคนกลีบดอกวงในเชื่อมติดกันเป็นหลอดปลายกลีบแยกเป็น 5 แฉก
    ฝัก/ผล  ผลแห้ง   รูปไข่กลับ  ยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร   ปลายยอดผลมีเยื่อสีขาวรูปถ้วย
    เมล็ด  เมล็ดล่อน รูปสามเหลี่ยมปลายแหลม สีดำเป็นมัน
ฤดูกาลออกดอก:  ตลอดปี
การปลูก:
    -    ปลูกคลุมดินบริเวณพื้นที่ลาดเอียงหรือริมสระน้ำธรรมชาติเพื่อป้องกันการพังทลายของดิน
    -    ปลูกบริเวณเกาะกลางถนนแทนหญ้า
    -    ปลูกเป็นไม้กระถาง
การดูแลรักษา:  ชอบดินทุกชนิด ความชื้นปานกลาง – สูง แสงแดดร่มรำไร มีโรคหนอนกัดกินใบเล็กน้อย
การขยายพันธุ์:  ด้วยการปักชำ
ส่วนที่มีกลิ่นหอม:  ดอก
การใช้ประโยชน์: 
    -    ไม้คลุมดิน
    -    ไม้ประดับทั่วไป และไม้กระถาง แต่งอาคาร ตัดขอบสวนหย่อม
    -    สมุนไพร
ถิ่นกำเนิด:  อเมริกาใต้
แหล่งที่พบ:  อยู่ตามริมน้ำพบได้ทุกภาค
สรรพคุณทางยา:  เนื้อ ไม้และใบใช้เป็นยาหอม แก้ลมวิงเวียน อบร่ำ ทำน้ำหอม