ลักษณะพฤกษศาสต์ของทิวาราตรี ชื่อวิทยาศาสตร์: Cestrum diurnum L.ชื่อวงศ์: SOLANACEAEชื่อสามัญ: day Jessamine, Day Cestrum, Chinese indberryชื่อพื้นเมือง: ทิวาลักษณะทั่วไป: ใบ เป็นใบเดี่ยวเรียงเวียนสลับ ใบรูปไข่กลับ กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 5-8 เซนติเมตร ขอบใบเป็นคลื่น ใบเป็นมันเกลี้ยง ดอก ช่อดอกสีขาว ออกเป็นช่อสั้น ดอกย่อยโคนกลีบเป็นหลอดยาว 1 เซนติเมตร ปลายแยกเป็น 5-6 กลีบ สั้นๆ ม้วนกลับ เมื่อดอกย่อยบานมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.6-0.8 เซนติเมตร ฝัก/ผล รูปกลม เมื่อสุกมีสีดำ เนื้อนิ่ม เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.3-0.5 เซนติเมตร ฤดูกาลออกดอก: ออกดอกตลอดปีการดูแลรักษา: ดินชุ่มชื้น ธาตุอาหารสมบูรณ์ แสงแดดจัดการขยายพันธุ์: ปักชำ ตอนกิ่งส่วนที่มีกลิ่นหอม: ดอกมีกลิ่นหอมในช่วงกลางวันการใช้ประโยชน์: ไม้ประดับถิ่นกำเนิด: หมู่เกาะอินดิสตะวันตก
ลักษณะพฤกษศาสตร์ของราตรี ชื่อวิทยาศาสตร์: Cestrum nocturnum L. ชื่อวงศ์: Solanaceaeชื่อสามัญ: Lady of the night, Night jessamine, Night blooming jasmine, Queen of the nightชื่อพื้นเมือง: หอมดึกลักษณะทั่วไป: ต้น ไม้พุ่มขนาดกลาง แตกกิ่งก้านจำนวนมากเป็นพุ่ม กิ่งก้านเป็นเหลี่ยมโค้งลง เปลือกลำต้นสีเทาอ่อนปนขาว ใบ ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ ใบรูปรี กว้าง 4-6 เซนติเมตร ยาว 8-15 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้ม ดอก สีขาวนวล ออกเป็นช่อแบบช่อกระจะแยกแขนงตามซอกใบและปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 8-15 เซนติเมตร มีดอกย่อยจำนวนมาก กลีบเลี้ยงสีเขียว รูปถ้วย โคนเกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดแคบๆ ยาว 2-2.5 เซนติเมตร ปลายแยกเป็น 5 แฉก ดอกย่อยบานไม่พร้อมกัน ดอกบานตอนกลางคืนถึงเช้า ดอกบานเต็มที่กว้าง 0.8-1.3 เซนติเมตร ฝัก/ผล ผลสดแบบมีเนื้อหลายเมล็ด ค่อนข้างกลม สีขาวขุ่น ฉ่ำน้ำ ฤดูกาลออกดอก: ออกดอกตลอดปีการปลูก: ปลูกประดับสวน เป็นไม้กระถาง ปลูกเป็นรั้วการดูแลรักษา: ชอบดินร่วนที่มีการระบายน้ำดี การขยายพันธุ์: ปักชำกิ่ง ตอนกิ่งส่วนที่มีกลิ่นหอม: ดอกมีกลิ่นหอมแรง การใช้ประโยชน์: - ไม้ประดับ - สมุนไพรถิ่นกำเนิด: เกาะเวสต์อินดีสสรรพคุณทางยา: - ลำต้น เป็นยาแก้โรคเรื้อน - ราก เป็นยาแก้กามโรค และหนองใน - ผล เป็นยาแก้ไข้ท้องเสีย
ลักษณะพฤกษศาสตร์ของราตรีสีทอง ชื่อวิทยาศาสตร์: Cestrum aurantiacum Lindl.ชื่อวงศ์: Solanaceaeชื่อสามัญ: Yellow Jessamine, Orange Cestrumลักษณะทั่วไป: ต้น ไม้พุ่มขนาดเล็ก แตกกิ่งก้านจำนวนมาก กิ่งก้านเป็นเป็นเหลี่ยม กิ่งตั้งขึ้น เปลือกสีเทาอ่อนปนขาว ใบ ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ ใบรูปรีแกมรูปหอก กว้าง 4-6 เซนติเมตร ยาว 5-12 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย แผ่นใบสีเขียวอมเหลือง หรือสีเขียวอมขาว ดอก สีเหลืองทอง ออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงตามซอกใบและปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 8-15 เซนติเมตร มีดอกย่อยจำนวนมาก กลีบเลี้ยงสีเขียว รูปถ้วย โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดแคบ ยาว 2-2.5 เซนติเมตร ปลายแยกเป็น 5 แฉก ดอกบานไม่พร้อมกัน ดอกบานเต็มที่กว้าง 0.8-1.3 เซนติเมตร ฝัก/ผล ผลสดแบบมีเนื้อหลายเมล็ด ค่อนข้างกลม สีขาวขุ่น ฉ่ำน้ำ ฤดูกาลออกดอก: ออกดอกตลอดปีการดูแลรักษา: ชอบดินร่วนชุ่มชื้น อยู่ได้ทั้งที่แดดจัดและร่มรำไรการขยายพันธุ์: ปักชำ ตอนกิ่งส่วนที่มีกลิ่นหอม: ดอก กลิ่นหอมมากตอนกลางคืนจนถึงเช้าการใช้ประโยชน์: ไม้ประดับถิ่นกำเนิด: กัวเตมาลา หมู่เกาะอินดิส