ลักษณะพฤกษศาสตร์ของบัวฝรั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์: Nymphaea sp. and hybridชื่อวงศ์: Nymphaeaceaeชื่อสามัญ: Hardy water-lilyลักษณะทั่วไป: ต้น เป็นไม้โผล่เหนือน้ำ มีหัวหรือเหง้าใต้ดิน ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปไข่หนาค่อนข้างกลม ขนาด 15-25 เซนติเมตร ขอบใบเรียบหรือหยักซี่ฟัน แผ่นใบหนา ผิวใบด้านบนสีเขียวสดเป็นมัน ก้านใบและก้านดอกมักมีขนนุ่มปกคลุม ดอก สีขาว เหลือง ชมพู แสด แดง มักไม่มีกลิ่นหอม ในบางพันธุ์อาจมีกลิ่นฉุนหรือมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกเป็นดอกเดี่ยวจากเหง้า ก้านดอกอวบกลม ผิวเรียบหรือมีขนปกคลุมมากน้อยแล้วแต่พันธุ์ ส่งดอกขึ้นลอยที่ผิวน้ำ ดอกรูปถ้วยหรือค่อนข้างกลม กลีบดอกจำนวนมากเรียงซ้อนกันหลายชั้น ดอกบานช่วงเข้าถึงบ่ายหรือเย็น ดอกบานเต็มที่กว้าง 6-8 เซนติเมตร ฝัก/ผล ผลสดแบบมีเนื้อ รูปไข่ถึงทรงกลม เปลือกหนา เมล็ด สีดำ มีเมล็ดจำนวนมากฤดูกาลออกดอก: ออกดอกดกในฤดูฝนการปลูก: ปลูกเป็นไม้ประดับในภาชนะหรือสระน้ำธรรมชาติที่ลึกไม่เกิน 40 เซนติเมตรการดูแลรักษา: ชอบดินเหนียวที่มีอินทรียวัตถุ เจริญได้ดีที่ระดับน้ำ 20 - 100 cm. พื้นที่ผิวน้ำ 0.5 - 1 m2 มีแสงแดดครึ่งวันถึงเต็มวัน บัวฝรั่งทุกพันธุ์ถ้านำมาปลูกในเขตร้อน เช่น เมืองไทย การพักตัวจะขึ้นอยู่กับพันธุ์บัว ภาวะ และช่วงเวลาของความหนาวเย็น ถ้าเริ่มต้นมีอากาศหนาวเย็นมาก และนานตั้งแต่ 2 สัปดาห์ขึ้นไป บัวฝรั่งบางพันธุ์จะแสดงอาการพักตัว บางพันธุ์จะยังไม่แสดงอาการจนกว่าจะมีอากาศหนาวอีกครั้ง (คือ บรรยากาศในภาคกลางของไทย) ซึ่งจะสลัดใบลอยออกและผลิใบหนาที่มีก้านสั้นอยู่ใต้น้ำ ถ้าปลูกในกรุงเทพฯ ภาคกลาง และภาคใต้ของไทย บางทีถ้าอากาศไม่เป็นดังที่กล่าว บัวอาจจะพักตัวหรือไม่ก็ได้ ถ้าอากาศไม่หนาวเกินไป อีกปัจจัยที่เกี่ยวข้องคือ ความเย็นของน้ำที่ปลูกบัว ปกติบัวสามารถเจริญเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิระหว่าง 20-30 องศาเซลเซียส ณ จุดยอด (Crown) ของบัวใต้น้ำ ถ้าอุณหภูมิลดต่ำหรือสูงขึ้นประมาณ 5 องศาเซลเซียส บัวจะเจริญเติบโตอยู่ได้ แต่ไม่งาม การขยายพันธุ์: แยกหน่อหรือเหง้าส่วนที่มีกลิ่นหอม: ดอก ขึ้นอยู่กับชนิดการใช้ประโยชน์: ไม้ประดับถิ่นกำเนิด: ฝรั่งเศส และประเทศทางแถบยุโรป
รักษาอาการท้องเสียด้วยฝรั่ง - นำใบฝรั่งมาล้างน้ำให้สะอาด ประมาณ 10-15 ใบ แล้วโขลกพอแหลก ใส่น้ำ 1 แก้วใหญ่ นำไปต้มใส่เกลือ พอเดือดยกลงนำมาดื่มแทนชา ได้ผลดี - นำผลฝรั่งอ่อน ๆ มาฝานเอาแต่เปลือกกับเนื้อ ใส่เกลือเล็กน้อย แล้วกินรวมกัน หรือจะใช้ต้มดื่มเป็นน้ำฝรั่งก็ได้ - นำใบฝรั่งสดที่ไม่อ่อน และไม่แก่เกินไป มาตัดหัวตัดท้าย แล้วนำไปแช่น้ำทิ้งไว้สักครู่ ตักน้ำที่ได้จากการแช่ใบฝรั่ง มาจิบทีละนิด ก็ช่วยรักษาได้เช่นกัน แต่อย่าจิบมากจนเกินไป อาจทำให้ท้องผูกได้เอื้อเฟื้อข้อมูล โดย www.dailynews.co.th