ค้นหาสินค้า

รายชื่อร้านขายอีนูน จังหวัดระยอง

ขายอีนูน 2 ร้าน/สวน
จำนวนอีนูน 2 รายการ
ผักอีนูนหรือผักสาบ | เมล็ดพันธุ์ดี เกษตรวิถีไทย - เมืองระยอง ระยอง

1
รายการ

เมล็ดพันธุ์ดี เกษตรวิถีไทย | เมืองระยอง ระยอง
ขายเมล็ดพร้อมปลูกผักอีนูนหรือผักสาบ 1ชุดบรรจุ20เมล็ดราคา40บาท สนใจสั่งอินบล็อกหรือโทร0876069955 ไอดีไลน์ aungsara09 ผักอีนูนชื่อสามัญ: ผักสาบ
ชื่อวิทยาศาสตร์: Adenia viridiflora Craib
ชื่อวงศ์: PASSIFLORACEAE
ลักษณะวิสัย/ประเภท: ไม้เลื้อย
ลักษณะพืช: -
ปริมาณที่พบ:
การขยายพันธุ์: ใช้เมล็ด
อธิบายวิธีการเพาะ/ขยายพันธุ์:
ปักชำกิ่ง ลงในบริเวณที่ต้องการปลูกหรือในถุงดำ หรือเพาะเมล็ดด้วยวิธีการเดียวกัน
การใช้ประโยชน์/ส่วนที่นำไปใช้ประโยชน์:
ยอดอ่อน ใบอ่อน และผลอ่อน ลวกหรือต้มรับประทานเป็นผักกับน้ำพริก หรือนำไปดองน้ำเกลือ ใส่น้ำซาวข้าวทำให้รสเปรี้ยว
แหล่งที่พบ: ป่าชุมชน ม.6 บ้านนำดิบมะพร้าว ต.ท่าไม้ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร
ข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติม:
พืชพันธุ์ที่จะนำมาสู่กันฟังนี้ ไม่เกี่ยวกับเวทมนตร์ความขลังขมังเวทใดๆ ตามที่กำลังเป็นข่าว
ที่นิยมนำวัตถุมงคล หรือเทพต่างๆ มาบูชา ทีมงานมูลนิธิสุขภาพไทยเพิ่งกลับจากการพบปะ
หมอยาอีสาน จึงได้พบกับนักวิชาการของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ดินแดนตักสิลา ท่านเล่าถึง ผักสาบ ชื่อประหลาดที่สร้างความฉงนสนเท่ห์ให้ผู้ที่อยากกินยิ่งนัก
อันความจริง ผักสาบ เป็นไม้ประจำถิ่นของประเทศไทยพบเห็นได้ทั่วไปตามป่าเบญจพรรณและ
ป่าเต็งรังผักสาบมีลักษณะเป็นไม้เลื้อยมีอายุหลายปี เถาไม้ที่มีอายุมากๆ จะเห็นเป็นเนื้อไม้ชัดเจน
บางต้นอาจ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางได้มากกว่า 3 เซนติเมตร
แม้ว่าผักสาบจะมีให้เห็นทั่วไป แต่ถ้าวัดเรตติ้งความนิยมการกินผักของคนอีสาน ดูเหมือนว่าจะชอบกินผักสาบมากกว่าผักอื่นๆ ซึ่งวิธีวัดนี้ได้จากการลงไปร่วมสำรวจป่า
กับหมอยาและชาวบ้าน ถ้าพบผักสาบเมื่อใด มักจะเแย่งกันเก็บกลับบ้านเสมอ เพราะถ้าได้นำเอา ส่วนยอด ดอก และผลอ่อน มาลวกแล้วกินกับ ป่น หรือ แจ่ว รับรองว่าแซ่บอีหลี และภูมิปัญญาพื้นบ้านของบางพื้นที่ยังมีวิธีถนอมอาหารเมื่อยามเก็บผลผลิตได้ มาก คือ สามารถนำผักสาบมาคั้นส้ม หรือดองเก็บไว้ได้นาน ๆ แต่ในภาคอีสานไม่นิยมในรูปแบบดอง
ผักสาบที่คนนิยมกินกันอยู่นี้ คนภาคกลางเรียกว่า ผักอีนูน หรือ นางนูน แต่ถ้าแยกแยะตามหลักวิชาการ ก็แบ่งผักสาบได้ 2 ชนิด คือ ชนิดที่ทางภาคกลางเรียกว่า “ นางนูน ” มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Adenia heterophylla (Blume) Koord . และอีกชนิดหนึ่งคนภาคกลางก็เรียกว่า “ ผักสาบ ” เช่นกัน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Adenia viridiflora Craib . ถ้าจะสังเกตง่ายๆ ให้ดูรูปลักษณ์ภายนอกของทั้งสองชนิด ส่วนที่แตกต่างกันชัดๆ ตรงผล “ นางนูน ” มีผลเล็กกว่าและมีรูปร่างแบบรูปไข่ ส่วน “ ผักสาบ ” มีผลโตกว่าและรูปทรงกลมกว่า และเปลือกของผลหนากว่าด้วย
ในตำรับยาพื้นบ้านทั่วไป ใช้ส่วนของรากเป็นสมุนไพร บำรุงเลือดหลังคลอด แต่สำหรับในภาคอีสานมีการนำเอาผักสาบไปเข้ายารักษาโรคได้หลายกลุ่มอาการ ได้แก่ ยาแก้ปัสสาวะเป็นหนอง ให้เอาเครือผักสาบ เครือง้วนหมู แช่น้ำกิน หรือถ้าร่างกาย
ได้รับอาหารไม่สมดุล เกิดอาการที่เรียกว่าเป็น “ ทราง ” ให้เอาส่วนของเครือผักสาบ ผสมกับเครือผักหวานบ้าน เครือดอกซ้อนน้อย และผลสีดาขาว(ฝรั่งที่มีไส้สีขาว) ให้ใช้สมุนไพรทั้ง 4 ชนิดอย่างละเท่า ๆ กัน แช่น้ำ แล้วใช้ทั้งกินและอาบ
ในกรณีที่เป็นไข้ เหงื่อออก วิงเวียน น้ำลายเหนียวและเป็นลม ซึ่งเป็นอาการที่คนอีสานเรียกว่า
“ สาระบาด ” ให้เอารากผักสาบ รากถ่อน รากผักหวานบ้าน รากตะไคร้ รากย่านางฝนใส่น้ำข้าวจ้าว
ทาตามร่างกาย แต่ถ้ามีอาการไข้ ที่เรียกว่า “ ไข้ออกตุ่ม ” ซึ่งมีไข้และมีตุ่มเกิดขึ้นตามผิวหนัง ให้ใช้ หญ้าห้อมแก้ว รากอะเลา รากผักสาบ แช่น้ำกิน หรือถ้ามีอาการ ไอ ให้ใช้รากผักสาบ เครือเขาแกบ รากกระดูกไก่ขาว ฝนใส่น้ำกิน
นอกจากนี้ยังมีบันทึกไว้ว่าถ้าเป็น “ พากเข้าซี่โครง ” ซึ่งยังไม่ทราบอาการแน่ชัด แต่เข้าใจว่าเป็นอาการท้องเสีย แล้วเจ็บบริเวณซี่โครง เพราะโรคพาก หมายถึง โรคห่า ที่มีอาการท้องเสียร่วมด้วย ให้เอารากผักสาบ แก่นหมากแฟง รากย่านางแดง แก่นจันทร์แดง แก่นจันทร์หอม ฝนกิน หรือถ้ามีอาการเกี่ยวกับระบบประสาท ที่ทำให้เกิดการมึนชา ให้ทำลูกประคบหรือที่อีสานเรียกว่ายาตั้ง ประกอบด้วย เปลือกตาเสือ เครือผักสาบ ใบผักหนอก(บัวบก) ตำผสมกัน เอาผ้าดิบจุ่มน้ำนิน(น้ำคราม) ห่อยาที่ตำผสมกันแล้ว นำไปนึ่งให้ร้อนแล้วนำมาประคบในส่วนที่ชา ก็จะแก้อาการได้
ถ้ามองตามรสยา หมอพื้นบ้านอีสานบอกว่า ผักสาบเมื่อลวกน้ำร้อนแล้วนำมากินนั้น จะมีรสขมอมหวาน ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งในการบำรุงตับ ซึ่งการกินอยู่ประจำวัน
ของชาวอีสานจะช่วยในการรักษา ปรับสมดุลของการทำงานของตับได้อย่างดี นอกจากนี้รสขมในผักสาบยังช่วยเรียกน้ำย่อยทำให้เจริญอาหารและยังใช้เป็นส่วน ประกอบ
ของยาสมุนไพรในการรักษาโรคได้อีกหลายชนิด
จากการสอบถามชาวบ้านหลาย ๆท่านว่า เมื่อผักสาบเป็นผักโปรดแล้วทำไม
จึงไม่มีการนำไปปลูกไว้ในบ้าน ได้รับคำตอบเหมือน ๆกันว่า ผักสาบปลูกยากขึ้นยาก แต่จากการค้นคว้าเอกสารบางส่วนระบุไว้ว่า สามารถนำเครือผักสาบมาปลูกเป็นรั้วได้ โดยการขยายพันธุ์ทั้งจากเมล็ดและปักชำกิ่ง ผักสาบชอบดินร่วนแต่ไม่ชอบแดดมาก และเนื่องจากผักสาบเป็นไม้เถาที่มีเนื้อไม้ ดังนั้นเมื่อนำมาปลูกควรทำค้าง
และหมั่นตัดแต่งกิ่งให้สม่ำเสมอ จะสามารถทำให้มีผักสาบบริโภคได้ตลอดทั้งปี
ผักสาบ คงไม่ใช่เพราะชื่อที่ทำให้นักวิจัยถูกสาบไว้จนไม่สนใจมาทำการศึกษา แต่คงเพราะที่ผ่านมาเราสนใจเฉพาะพืชผักดังๆ หรือเป็นดารา แต่ผักพื้นบ้าน สมุนไพรท้องถิ่นยังมีคนสนใจน้อยมาก จึงอยากเชิญชวน ให้นักวิชาการไทยทั้งหลายได้ร่วมกันศึกษาศักยภาพของผักสาบ ซึ่งมีมนต์เสน่ห์ทีเดียว อย่างน้อยก็เป็นพืชเศรษฐกิจของชุมชนได้อีกชนิดหนึ่งจ๊ะ
ฤดูกาลที่ใช้ประโยชน์ได้: เดือนมีนาคม - เมษายน

ราคาชองละ 40.00 บาท ติดต่อ อังศรา ไพฑูรย์ โทร. 0876069955 0876069955 ไอดีไลน์ @395twood

ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 7 ปี 0 เดือน

โทรศัพท์ แอดไลน์

ว่านกิมเจ็ง Adenia viridiflora Craib  | รุ่งอรุณไม้ประดับ - บ้านฉาง ระยอง

1
รายการ

รุ่งอรุณไม้ประดับ | บ้านฉาง ระยอง
Line id : p042579
ว่านกิมเจ็ง Adenia viridiflora Craib
ปลูกเป็นไม้โขด เพื่อดูหัวได้ หรือนำทุกส่วนของต้นมาต้มกินเป็นยาแก้เจ็บคอ ร้อนในได้ดี
ความเชื่อ ว่านชนิดนี้เป็นหนึ่งในวัตถุแก้อาถรรพณ์ ผู้ทรงอาคมจะไม่รับประทาน เนื่องจากจะทำให้อาคมเสื่อม
คนไทยส่วนใหญ่รู้จัก “กิมเจ็ง” น้อยมาก แต่ถ้าเป็นชาวจีน หรือชาวไทยเชื้อสายจีนรุ่นเก่าๆ จะคุ้นเคยและรู้จัก “กิมเจ็ง” เป็นอย่างดี เนื่องจากหัวของ “กิมเจ็ง” มีคุณค่าและมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลังชั้นดี โดย ชาวจีนนิยมเอาหัวแบบสดๆของ “กิมเจ็ง” กะจำนวนพอประมาณต้มกับหมูเนื้อแดง หรือกระดูกหมูจำนวนเล็กน้อย ปรุงแต่งรสชาติอ่อนๆ คล้ายน้ำชุปใสรับประทานได้ทั้งเนื้อและน้ำวันละครั้ง ครั้งละ 1 ถ้วย จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง หายอ่อนเพลีย เป็นยาโป๊ดีนัก
ส่วน ตำรายาแผนไทยเรียก “กิมเจ็ง” ว่า “ว่านกิมเจ็ง” หรือ “ต้นอีนูน” มี สรรพคุณทางเภสัชใช้เป็นยาเย็น แก้ร้อนในกระหายน้ำ และเจ็บในลำคอ โดยเอาหัวสดกะจำนวนพอประมาณต้มกับน้ำสะอาดจำนวน 3 แก้ว จนเดือดเคี่ยวเหลือ 1 แก้ว ดื่มขณะอุ่นวันละครั้ง ต้มกิน 1-2 วัน อาการที่กล่าวข้างต้นจะดีขึ้นและหายได้
กิมเจ็ง เป็นไม้เถาเลื้อยพาดพันต้นไม้อื่น มีหัวใต้ดินขนาดใหญ่ เนื้อหัวฉ่ำน้ำเล็กน้อยสีขาวนวล มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ลักษณะหัวคล้ายมันแกว หรือหัวของต้น “สบู่เลือด” ผิวหัวด้านนอกจะนวลกว่าเล็กน้อย ต้นหรือเถาสามารถเลื้อยได้ไกลกว่า 10 เมตร ที่พบตามธรรมชาติในป่าลึก ต้นหรือเถาจะอ้วนใหญ่มาก ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ เป็นรูปกลมรี คล้ายใบตำลึง แต่ใบของ “กิมเจ็ง” จะมีจำนวนแฉกมากกว่า และใบที่อยู่ส่วนปลายจะยาวและแหลมกว่าชัดเจน
ดอก ออกเป็นช่อหรือเป็นพวงตามซอกใบ แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยขนาดเล็กสีขาวจำนวนมาก เวลามีดอกจะห้อยลงเป็นระย้าน่าชมมาก “ผล” เป็นรูปทรงกลม มีหลายขนาดตั้งแต่เล็กจิ๋วไปจนถึงผลโตเท่าไข่ไก่ ดอกออกได้เรื่อยๆ ขยายพันธุ์ด้วยหัว หรือเมล็ด พบขึ้นตามป่าธรรมชาติทุกภาคของประเทศไทย สมัยก่อนนิยมปลูกติดรั้วบ้านให้ต้นหรือเถาไต่ เพื่อเอาหัวใช้ทำยาตามที่กล่าวข้างต้น

ราคา 500.00 บาท ติดต่อ เฉลิมเกียรติ สำเร็จดี โทร. 0614031203 0614031203

ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 15 ปี 2 เดือน

โทรศัพท์