เทคนิคป้องกันโรคมะนาวทางอ้อมก่อนถึงเภสัช(พืช)

ปัญหาของชาวสวนมะนาวส่วนใหญ่เกิดจากโรคแมลงรุมเร้า ยิ่งมือใหม่ด้วยแล้ว เจออะไรนิดอะไรหน่อยก็ผวาถอดใจง่าย กลัวไม่กล้าที่จะลงมือทำลงมือปลูกกันเลยทีเดียว เขาว่ากันว่า มะนาวแป้นรำไพ แป้นดกพิเศษอะไรๆประมาณเนี๊ยะเป็นพันธุ์ที่อ่อนแอต่อโรค เป็นโรคง่าย ข้อมูลบางส่วนก็อาจจะจริงอยู่บ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมดหรอกครับ มะนาวแต่ละพันธุ์มันก็มีดีแตกต่างกัน อย่าลืมซิครับว่า...ผลของมะนาวคือเป้าหมายสูงสุดในการปลูกมะนาว กล่าวคือ...เราควรปลูกมะนาวสายพันธุ์ที่ตลาดต้องการ ขายง่าย ที่สำคัญได้ราคาดี    
   
ต้นมะนาวอายุย่างเข้าปีที่ 4 ปีที่ 5 ส่วนใหญ่มักพบปัญหาแคงเกอร์ ยางไหล กรีนนิ่ง ฯลฯ อยู่บ่อยๆ ซึ่งจะเกิดกับมะนาววงบ่อซิเมนต์มากกว่าปลูกลงดิน ด้วยเหตุผลง่ายๆ... เนื่องจากมะนาวที่ปลูกลงดินจะแข็งแรงกว่ามะนาวในวงบ่อซิเมนต์นั้นเอง บางสวนระบาดหนักถึงขั้นต้องทำลายต้นทิ้งเพราะควบคุมไม่อยู่ แต่ในความเป็นจริงปัญหาทุกอย่าง มันย่อมมีทางออกของมันเสมอ รวบรวมปัญญาตั้งสติให้ได้อย่าพึ่งท้อครับ วันนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำแนวทางป้องกันโรคมะนาวแบบพึ่งพาตนเอง โดยอาศัยเคล็ดลับการจัดการ 2 แบบผสมผสานเข้าด้วยกัน และนั้นก็คือ...ถ้าเปรียบเทียบต้นมะนาวเป็นร่างกายคนเราแล้วพบว่า คนที่สุขภาพดีจะรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ไม่รับประทานอาหารที่เป็นพิษ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และเมื่อร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี    
   
ดังนั้นโรคภัยต่างๆก็ไม่รุมเร้าหันกลับมามองต้นมะนาวต่อ ถ้าเช่นนั้นเราก็ต้องบำรุงต้นให้สมบูรณ์โดยเน้นที่ดินเป็นหลักซึ่งจะสอดคล้องกับที่ได้เกริ่นไว้ข้างต้น เทคนิคบำรุงต้นสำหรับมะนาวผู้เขียนจะเน้นให้ใช้ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกร่วมพูมิชซัลเฟอร์เป็นหลัก ให้หว่านเป็นรูปขนมโดนัท โดยไม่ให้ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกชิดโคนต้นจนเกินไป ให้ห่างออกมาประมาณ 2-3 คืบ หรือรัศมีประมาณ 1 ฟุต ให้น้ำแบบวันเว้นวันเพื่อรักษาความชื้น ไม่นานมะนาวของท่านก็จะกลับสดชื่นและสมบูรณ์แข็งแรง สองการตัดแต่งกิ่งมะนาวถือเป็นเรื่องที่สำคัญ สามารถช่วยป้องกันโรคในทางอ้อมที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะตัดแต่งกิ่งเล็กๆที่ไม่มีประโยชน์ออกไป จะทำให้ต้นมะนาวโปร่ง แสงแดดส่องผ่านถึงโคนต้น ถึงพื้นดิน ถึงกิ่งก้านต่างๆ ก็จะช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคต่างๆ อันจะก่อให้เกิดให้โรครุมเร้าต้นมะนาวของเราได้โดยเฉพาะหน้าฝน หน้าหนาว มะนาวโดนความชื้นหรือเปียกโชกบ่อย    
   
การตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง ลมพัดผ่านหรือแสงแดดอ่อนๆส่องลงถึง เท่านี้ก็สามารถช่วยลดปริมาณความชื้น ลดปริมาณเชื้อโรคลงได้เยอะ ดีทีเดียวเชียวละครับ ซึ่งเทคนิคทั้ง 2 วิธีที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ชาวสวนสามารถนำปฏิบัติได้จริง ที่สำคัญไม่ต้องฉีดพ่นยาบ่อยๆ อีกทั้งช่วยประหยัดต้นทุนการผลิต เหมาะสมกับยุคสมัยและสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างมากเลยละครับ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ โทร. 02-9861680-2 หรือผู้เขียน 081-3983128    
   
เขียนและรายงานโดย : คุณเอกรินทร์ ช่วยชู (นักวิชาการชมรมฯ)    
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ  www.thaigreenagro.com    
เสนอแนะติชมได้ที่ email : [email protected]    
Credit : http://www.thaigreenagro.com/Aticle.aspx?id=21475&Param2=3