ว่านมหาเสน์ห์ (Waan Ma Haa Sane)

nongorchid | เมืองนนทบุรี นนทบุรี
https://www.facebook.com/wandoktong555
ว่านดอกทองกระเจา
ลักษณะ:
หัวขนาดเล็ก ลักษณะกลมรี รากมีไม่มากใบเล็กยาว หน้าใบมีลายเส้นเห็นชัดเจน ปลายรากของว่านนี้มีตุ่มน้ำเลี้ยง หัวว่านในบางหัวลักษณะเหมือนเครื่องเพศเด็กชาย ก้านดอกแทงขึ้นจากกลางกอช่อดอกเป็นกรวย รอบนอกสีเขียวอ่อนมีลายเส้นสีแดง เกสรเป็นตุ่มเล็กๆ สีขาวอยู่ในกรวย แล้วจะแตกออกเป็นสีเหลืองเข้ม ว่านนี้ มหาเสน่ห์ ก็เรียก
ประโยชน์:
เป็นว่านตระกูลเดียวกับว่านดอกทอง มหาอุดม ว่านดังกล่าวนี้มีกลิ่นดอกกระตุ้นความรู้สึกทางเพศรุนแรงมาก ใช้เป็นว่านมหาเสน่ห์ใช้ดอกแห้งแช่น้ำมันจันทน์ พกพาติดต่อไป ท่านว่าเป็นยอดของมหานิยม นักเลงเจ้าชู้รู้จักกันมาแต่โบราณ ท่านให้เสกด้วยคาถา นะโมพุทธายะ 3 คาบ ทุกครั้งจะสัมฤทธิผลแล
ข้อคิดสำหรับว่านนี้ ที่ว่าหากนำไปปลูกไว้ในบ้านแล้ว อำนาจของว่านจะบันดาลให้สุภาพสตรีประพฤติผิดศีลธรรมนั้นไม่จริง ความจริงเพียงแต่กลิ่นเกสรของว่านกระตุ้นความรู้สึกทางเพศรุนแรงเท่านั้น เมื่อมีดอกเด็ดเก็บไว้เสียก็สิ้นเรื่องแต่ขืนปล่อยไว้ตรงนั้นแหละเป็นไปได้บ้านทั้งบ้านวุ่นวายกันใหญ่โต
วิธีปลูก:
ขยายพันธุ์ด้วยหัว ดินปลูกให้ดินร่วนปนทราย เครื่องปลูก ผสมหญ้าแห้งสับ ฟางข้าว ใบพืชตระกูลถั่วทุกชนิดที่ผุพัง เป็นดินปลูก ก่อนนำดินใส่กระถางทำทางระบายน้ำเสียก่อนอย่าลืม หัวว่านต้องปลูกให้หัวโผล่ ตรงนี้คือหัวใจการปลูกว่าน ตอนเช้ารดน้ำ ไม่มีปัญหาแต่ว่าตอนเย็นต้องดู ถ้ากระถางร้อนอย่าเพิ่งรด โบราณท่านแนะนำไว้ให้เสกด้วยคาถา นะโมพุทธายะ 3 คาบ และปลูกวันจันทร์

nongorchid | เมืองนนทบุรี นนทบุรี
https://www.facebook.com/wandoktong555
ว่านเพชรกลับ
ชื่ออื่นๆ กระชายขาว (ม้ง)
ชื่อภาษาอังกฤษ -
ชื่อวิทยาศาสตร์ Boesenbergia cf. thorelii (Gagnep.) Hoes
ชื่อพ้อง -
วงศ์ Zingiberaceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ล้มลุก มีเหง้าใต้ดิน รูปกลม เนื้อในสีขาว สูง 50-80 เซนติเมตร ใบรูป ไข่แกมรี ปลายใบแหลม โคนใบสอบ แผ่นใบด้านล่างสีเขียวแต้มน้ำตาลแดงจาง ๆ ไม่มีก้านใบ กาบใบมีขน ลิ้นใบ ขอบสองด้าน สูงยาวไม่เท่ากัน ขอบมีขน ดอกช่อ ออกที่ปลายยอด ดอกทยอยบาน ครั้งละ 1-3 ดอก กลีบประดับ สีเขียวอ่อน มีขน กลีบเลี้ยง สีขาวใส กลีบดอก มี 3 กลีบ โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาว 2-2.1 เซนติเมตร ปลายกลีบแยก 3 กลีบ รูปขอบขนาน สีขาวใส เกสรเพศผู้ ส่วนที่เป็นกลีบมี 3 กลีบ กลีบข้างมี 2 กลีบ รูปไข่กว้างหัวกลับ สีเหลืองอ่อน แต้มสีชมพูที่โคนกลีบ กลีบปากหรือกลีบใหญ่มี 1 กลีบรูปคล้ายเรือสำเภา ขนาดกว้าง 1.2-1.4 เซนติเมตร พื้นสีขาวแกมเหลือง มีแถบสีชมพูแกมแดงยาวตามแนวกลางกลีบและปลายกลีบ เกสรเพศผู้อยู่ระหว่างกลางกลีบปาก รูปขอบขนาน ก้านเกสรสั้น ปลายเว้า ไม่มีรยางค์ที่ปลาย สีขาว มีขน เกสรเพศเมีย ยอดเกสร สีขาว มีขนที่ปลาย

นิเวศวิทยา แหล่งกำเนิดในอินโดจีน ไทย ลาว และมาเลเซีย เป็นพืชในเขตร้อนชื้น

สรรพคุณ เหง้าตำพอกสมานแผลสด ใช้ดองกับเหล้าขาวดื่มเป็นยาอายุวัฒนะ [1]
ข้อมูลการวิจัยของน้ำมันว่านเพชรกลับ
องค์ประกอบทางเคมี เหง้าสดเมื่อนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยโดยการต้มกลั่น (hydrodistillation) ได้น้ำมันหอมระเหยร้อยละ 0.50 (สนใจรายละเอียด GC Chromatogram ติดต่อที่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ)

nongorchid | เมืองนนทบุรี นนทบุรี
https://www.facebook.com/wandoktong555
ว่านดอกทองหรือรากราคะ "รากราคะ" หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า " ว่านดอกทอง"ซึ่งเป็นว่านโบราณที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์นายณรงค์ ค้านอธรรม นักอนุรักษ์ว่านไทยโบราณ เจ้าของว่านรากราคะ เผยว่า ว่านนี้อยู่ในวงศ์ซิงจิเบอร์เรซี เป็นพืชตระกูลเดียวกับขิง ลักษณะลำต้นใต้ดินเป็นเหง้ากลม แตกแง่งเป็นไหลเล็กยาว 5-10 นิ้ว เนื้อในหัวถ้าเป็นตัวผู้จะมีสีเหลือง ส่วนตัวเมียเนื้อสีขาว มีกลิ่นคาวจัดคล้ายกับอสุจิของคนพบมากทางภาคตะวันตกและภาคเหนือ แถบจังหวัดกาญจนบุรี ตาก ลำปาง ใบเป็นรูปหอกสีเขียวมีขนาดเล็กเส้นกลางใบสีแดง ทั้งต้นสูงประมาณ 1 ฟุต ออกดอกในหน้าฝน คล้ายดอกกระเจียว แต่ไม่มีก้านดอกจะอยู่ติดกับพื้นดิน มีสีขาวอมเหลือง โดยแทงดอกขึ้นจากเหง้าหลักที่อยู่ใต้ดินก่อนการงอกขอ งใบว่านดังกล่าวนี้
ตามตำราโบราณระบุว่ามีอำนาจทางเพศรุนแรง โดยเฉพาะผู้หญิงเกิดรุนแรงมาก ถ้าเอาหัว หรือใบหรือต้นใส่โอ่งน้ำหรือบ่อน้ำ หากใครกินเข้าไปจะมีความรู้สึกทางเพศรุนแรงมาก โดยเฉพาะดอกเพียงได้กลิ่นผู้คนที่ได้กลิ่นทั้งหญิงแล ะชายจะพากันมัวเมาในโลกีย์รส ฉะนั้นจึงต้องเด็ดดอกออกเสีย
นอกจากนี้ตามความเชื่อโบราณปลูกไว้ที่บ้าน ร้านค้า มีสรรพคุณทางเมตตามหานิยม ทำให้มีลูกค้าอุดหนุนอย่างไม่ขาดสาย อีกทั้งว่านดังกล่าวใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว จึงนำออกมาแสดงให้ประชาชนได้ชมก่อนที่จะสูญพันธุ์ไป

nongorchid | เมืองนนทบุรี นนทบุรี
ว่านดอกทองแท้ ทั้งตัวผู้และตัวเมีย ต้นละ 150 บาท
https://www.facebook.com/wandoktong555
ว่านดอกทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Curcuma cf. pierreana Gagnep.
ลักษณะ
ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ลำต้นเทียมสูง 25-30 ซม. ลำต้นใต้ดินเป็นเหง้า เหง้าหลักรูปทรงกลม แตกแขนงเป็นไหลขนาดเล็ก ข้อถึ่ เนื้อในหัวสีเหลือง(ตัวผู้) และสีขาว(ตัวเมีย) มีกลิ่นคาว ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบหอก โคนใบมน ปลายใบแปลม สีเขียว เส้นกลางใบและโคนกาบใบมีสีแดงเรื่อ ช่อดอกออกก่อนผลิใบ ใบประดับปลายแปลม สีขาว มีเส้นสีแดง ดอกสีขาว กฃีบปากสีขาว มีแถบกลางสีเหลืองเข้ม
การปลูก
ชอบดินร่วน ระบายน้ำดี แสงแดดรำไร พักตัวในฤดูหนาว
ความเชื่อ
ว่านชนิดนี้มีอำนาจในทางเพศรุนแรงมาก ใช้ได้ทั้งราก หัว ใบ ดอก แม้แต่น้ำที่รดต้นว่าน ถ้าใครได้สัมผัส จะเกิดอาการทางเพศรุนแรงมาก ถ้านำหัว ต้น หรือใบ ใส่ลงในภาชนะที่บรรจุน้ำ ผู้ใดกินเข้าไปจะมีความรู้สึกทางเพศอย่างรุนแรง หากใครได้กลิ่นหอมของว่านนี้ จะพากันมัวเมาอยู่ในโลกียรสมิได้สร่างซา จึงนิยม เด็ดดอกแล้วนำไปแช่น้ำมันเก็บไว้ใช้เป็นยาเสน่ห์ หากปลูกไว้ตามบ้าน ร้านค้า หรือสถานเริงรมย์ ย่อมเป็นมหาเสน่ห์เมตตามหานิยม มีผู้ไปมาหาสู่ อุดหนุนจุนเจือไม่ขาด เพราะมีเสน่ห์ทางเมตตามหานิยม