รถดำนา สิงโตทอง

ชม VDO สาธิตการใช้งาน
http://www.youtube.com/watchv=eW4HvX7VqX0
1 รถดำนาชนิดนั่งขับ
2 มีขนาดให้เลือก 6 แถว 8แถว 10แถว
3 ระยะห่างระหว่างแถว 30 ซม.
4 ระยะห่างระหว่างต้น เลือกปรับได้ 12 ซม. 14 ซม. 16 ซม.
5 เครื่องยนต์ ดีเซล ขนาด 6 แรงม้า
6 สามารถปรับขนาดลูกกล้าให้ใหญ่เล็กตามต้องการ เพียงหมุนปรับหัวระยะหัวสับกล้าง่ายๆ เพียงมือหมุน
7 สามารถปรับระดับความลึกการปักดำ ง่ายๆเพียงหมุนตั้งหัวสับกล้า และสามารถปรับความลึกการปักดำตามสภาพพื้นนาระหว่างปักดำด้วยระบบ ไฮโดรลิก
บทความ ทำไมต้องมีรถดำไว้ใช้เอง (ทางรอดเกษตรกรไทย)
เป็นที่ทราบกันดี ปัญหาข้าวดีด ข้าวเด้งในปัจจุบัน สร้างปัญหาให้ กับชาวไร่ชาวนาเป็นอย่างมาก เนื่องจากยังไม่มียาที่สามารถฆ่าข้าวชนิดนี้ได้ เกษตรกรบางส่วนจึงหันไปใช้วิธีการโยนข้าว หรือ การปักดำแทนเพื่อลดปัญหาดังกล่าว
จริงอยู่วิธีการดังกล่าวป็นวิธีการที่ช่วยลดปัญหาข้าวดีด ข้าวเด้งได้ถึง 90 กว่เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าปุ๋ยค่ายาต่างๆได้อีกมากมาย มีหลายคำบทความทางการเกษตรมากมายชี้ให้เห็นว่าวิธีการ ปักดำ หรือวิธีการโยนข้าวนั้นประหยัดต้นทุนกว่าวิธีการหว่านน้ำตมอยู่หลายประการ แต่ทั้งหมดคิดต้นทุนจากการทำงานเองโดยเกษตรกรทั้งหมด จึงไม่ได้หมายรวมถึงการจ้างทำแต่อย่างใด
ปัจจุบันราคาข้าวขยับตัวสูงขึ้นจากนโยบายของรัฐบาล ทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น จึงเริ่มหันมาจ้าง รถดำนา หรือ โยนข้าว เพื่อลดปัญหาข้าวดีด ข้าวเด้งแทนการหว่านน้ำตมแบบเก่า ทำให้เพิ่มภาระต้นทุนในการทำนาขั้นแรกอย่างน้อย 1800 บาท/ไร่ (คิดจากค่าข้าวปลูก 15 กก.+ค่าจ้างเพาะข้าว+ค่าจ้างรถดำนาหรือโยนข้าว) ซึ่งจากปรกติหว่านน้ำตมลงทุนเพียง 650 บาท/ไร่(คิดจากค่าข้าวปลูก 25 กก.+ค่าจ้างหว่าน) ซึ่งมีส่วนต่างต้นทุนถึง 1150 บาท/ไร่ ลองคิดเล่นๆดู ถ้าท่านมีนา 30 ไร่
นา 30 ไร่ x 1150 บาท = 34500 บาท ทำนาปีละ 2 ครั้ง ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับการจ้างถึง 69000 บาท
ซึ่งจริงๆแล้วเงินจำนวนนี้ น่าจะเป็นค่าปุ๋ยค่ายาในการทำนาของเกษตรการมากกว่า ลองคิดดูนะครับว่าเยอะแค่ไหนที่ท่านต้องเสียไปโดยอาจคิดไม่ถึง ปัญหาอีกอย่างของการลงทุนคือ การได้รับเงินขายข้าวล่าช้าไม่ทันกับการทำนาฤดูกาลใหม่ เกษตรกรจึงอาจไม่สามารถจ้างดำนา หรือโยนข้าวได้ทุกฤดูกาลเนื่องจากลงทุนสูงจึงจำใจต้องหว่าน แล้วกลับไปสู่ปัญหาข้าวดีดข้าวเด้งเดิมๆ
เมื่อเป็นดังนี้แล้วเราหันมาทำเองดีกว่าไหม อาชีพเราเอง ทำเองดีกว่า
แล้วลงทุนกับนาดำ หรือ นาโยนดีกว่า
จริงๆแล้วการทำนาทั้งสองรูปแบบนั้นดี้ทั้งคู่ แต่หากคิดว่าเราทำเองไม่จ้างแรงงาน เนื่องจากแรงงานหายากมากๆ นาดำน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ลองดูนะครับ
การทำนาโยน ปรกติปัจจุบัน ต้องเพาะกล้า 150 – 200 ถาดต่อไร่ (30 ไร่x200 = 6000ถาด ใช้มากถึงขนาดนี้ถึงจะทำออกมาแล้วดูดี ชื่นใจ) ซึ่งต้องใช้แรงงานในการเพาะ ถอนกล้าและโยนสูง และต้องใช้พื้นที่ในการวางถาดค่อนข้างมากพอควร จึงไม่เหมาะที่จะทำกันเองในครอบครัวถ้ากำลังคนไม่พร้อม อีกทั้งถาดเพาะใช้ได้พียง 4-6 ฤดูการเท่านั้นก็จะชำรุดแตกเสียหายเนื่องจากเป็นพลาสติกบางๆเท่านั้น (ถาดละ 7 บาทX6000=42000บาท ต้องลงทุนใหม่อีก เซ็ง)
ลองมาดูการทำนาโดยใช้รถดำดูบ้าง การเพาะกล้า ใช้กล้าข้าวเพียง 60 ถาดต่อไร่ (30ไร่X60=1800ถาด เนื่องจากหารปักดำมีระยะที่ห่างแน่นอนจำนวนถาดจึงค่อนข้างแม่นยำ) ใช้พื้นที่วางไม่มากสามารถเพาะในแปลงนาได้เลย ไม่ต้องคอยรดน้ำ ใช้การสูบน้ำใส่เลี้ยงเหมือนการปลูกข้าวทั่วไป การปักดำใช้คนตั้งแต่ 1-3 คนก็สามารถทำงานได้ ตัวถาดดำถึงแม้จะมีราคาสูงกว่า แต่ใช้ได้นานโดยไม่แตกเสียหาย เนื่องจากเป็นพลาสติกแข็ง (ถาดละ 27 บาท) จะเห็นได้ว่าสามารถทำเองได้โดยไม่ต้องใช้แรงงานมากจึงเหมาะกับการทำงานภายในครอบครัวได้ดีกว่าการลงทุนกับระบบโยนข้าว
แต่รถดำมีราคาสูง ซื้อมาไหว
รถดำนาสิงโตทอง ราคาเพียง 199,000 บาท เท่านั้น ไม่ต้องลงทุนสูง ทำงานได้ดี อะไหล่หาง่าย บางอย่างสามารถดัดแปลง หรือทำขึ้นเองได้เลย สามารถผ่อนกับ ธกส.ได้(ส่วนนี้กำลังดำเนินการอยู่ กรุณาสอบถามก่อนติดต่อ ธกส.) ไม่ต้องจ่ายเงินก้อน คืนทุนไว และยังสามารถรับจ้าง ดำนา หารายได้ ได้อีก รถดำนาสิงโตทอง นี่แหละทางรอดเกษตรกรไทย
โปรโมชั่น
ซื้อรถดำนาสิงโตทอง วันนี้ รับ ฟรี โน้ตบุ๊ค หรือ แทปเบต พีซี ฟรี 1 เครื่อง สำหรับลูกหลานเกษตรกรทุกท่าน
สนใจสั่งซื้อ หรือร่วมธุรกิจกับรถดำนา สิงโตทอง ติดต่อ คุณ จักรพันธ์ จตุรงคสัมฤทธิ์
โทร 0921951945. แก้ไขข้อมูลเมื่อ 26 Nov 16 11:18