ลักษณะพฤกษศาสตร์ของกระดังงาไทย (3480)
ชื่อวงศ์: Annonaceae
ชื่อสามัญ: Ylang-ylang tree, Perfume Tree, llang-llang,
ชื่อพื้นเมือง: กระดังงาใบใหญ่ กระดังงา กระดังงาใหญ่ สะบันงา สะบันงาต้น
ลักษณะทั่วไป:
ต้น ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 10-20 เมตร ต้น เปลา ตรง ผลัดใบ เรือนยอดรูปสามเหลี่ยม กิ่งแตก ตั้งฉากกับลำต้น แต่ปลายกิ่งลู่ลง เปลือกสีเทาเกลี้ยง มีรอยแผลใบขนาดใหญ่ทั่วไป
ใบ เดี่ยว เรียงสลับ ทรงรี โคนใบมนหรือเว้าและเบี้ยวเล็กน้อย ปลายใบแหลม แผ่นใบบาง ขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่น ใบแก่มีขนตามเส้นแขนงใบและเส้นกลาง ใบ เส้นแขนงใบข้างละ 5-9 เส้น
ดอก สีเหลืองหรือเหลืองอมเขียว ออกรวมกันเป็นช่อแบบช่อซี่ร่มบนกิ่งเหนือรอยแผลใบ ออกดอกเป็นช่อสั้น ห้อยลง 3-6 ดอก กลีบเลี้ยง 3 กลีบ มีขน กลีบดอกเรียงเป็น 2 ชั้นๆละ 3 กลีบ กลีบเป็นแถบบาง ขอบเป็นคลื่นเล็กน้อย กลีบชั้นในแคบกว่าชั้นนอกเล็กน้อย โคนกลีบด้านในสีม่วงอมน้ำตาล ดอกอ่อนกลีบสีเขียว เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง กลิ่นหอม เกสรเพศผู้มีจำนวนมาก เกสรเพศเมียมีหลายอัน อยู่แยกกัน
ฝัก/ผล กลุ่ม รูปไข่ผิวของมันเรียบ อยู่บนแกนตุ้มกลม 4-15 ผล ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีดำ
เมล็ด สีน้ำตาลอ่อน รูปไข่แบน
ฤดูกาลออกดอก: มีดอกและผลเกือบตลอดปี
การขยายพันธุ์: เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง
ส่วนที่มีกลิ่นหอม: ดอก
การใช้ประโยชน์:
- เอามาทำเป็นเครื่องหอม ใช้แต่งกลิ่นเครื่องสำอาง น้ำอบ ทำน้ำหอม
- ใช้ทำน้ำเชื่อมหรือปรุงขนมหวาน ต่าง ๆ เช่น ทับทิมกรอบ ข้าวต้มน้ำวุ้น สลิ่ม เป็นต้น
- ไม้ประดับ
- เป็นสมุนไพร
- น้ำมันหอมระเหย ใช้ทอดกับน้ำมะพร้าวทำน้ำมันใส่ผม น้ำมันหอมระเหยจากดอกที่แก่จัด เรียกว่า Ylang - Ylang oil
ถิ่นกำเนิด: พม่า มาเลเซีย ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา
แหล่งที่พบ: ทั่วประเทศ
ส่วนที่ใช้บริโภค: ดอก
การปรุงอาหาร: การแต่งกลิ่นอาหาร ทำได้โดยนำดอกที่แก่จัด ลมควันเทียนหรือเปลวไฟจากเทียนเพื่อให้ต่อมน้ำหอมในกลีบดอกแตก และส่งกลิ่นหอมออกมา แล้วนำไปเสียบไม้ ลอยน้ำในภาชนะปิดสนิท 1 คืน เก็บดอกทิ้งตอนเช้า นำน้ำไปคั้นกะทิ หรือปรุงอาหารอื่นๆ
สรรพคุณทางยา:
- เนื้อไม้ รักษาโรคปัสสาวะพิการ
- ใบ รักษาโรคผิวหนัง แก้คัน
- ดอก มีน้ำมันหอม ใช้เข้าเครื่องหอมทุกชนิด แก้ลมวิงเวียน แก้ไข้ บำรุงธาตุ บำรุงหัวใจ